นายสุรชัย รัถยาวิศิษฏ์ ผู้จัดการใหญ่ สายงานรับประกัน บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดประกันภัยสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากคนไทยเริ่มใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับค่ารักษาพยาบาลที่ปรับสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 5-10% ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องการตัวช่วยเพื่อบริหารความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งประกันภัยสุขภาพถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครอบคลุม ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
ในช่วงครึ่งปีหลัง เอ็ม เอส ไอ จี จึงรุกตลาดประกันสุขภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้า กับประกันโรคสุดฮิต ถ้าเจ็บป่วย รายได้ยังมี ค่ารักษายังได้ หลังจากที่เราหยุดทำตลาดประกันสุขภาพมาหลายปี โดยปีนี้เป็นปีที่เริ่มนับหนึ่งอีกครั้ง ซึ่งเป็นปีที่มีโอกาสที่เพราะผู้บริโภคให้ความสนใจเรื่องประกันสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับการเข้าถึงประกันภัยมีในวงกว้างมากขึ้น จากการใช้ระบบดิจิทัล หรือการซื้อสินผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถออกผลิตที่มีเบี้ยประกันที่ราคาไม่สูงมากนักได้เพราะต้นทุนการออกกรมธรรม์จะถูกลง
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกมาประเดิมการบุกตลาดประกันสุขภาพหลังจากที่หยุดไปหลายปี คือ “ประกันภัยโรคสุดฮิต” ที่มี 2 แผนความคุ้มครองให้เลือก คือ แผนฮอตฮิต แผนที่ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาล ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล กรณีผู้ป่วยใน (IPD) จากโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้เลือดออกสูงสุด 50,000 บาท ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเฉพาะโรค กรณีผู้ป่ายนอก (OPD) สูงสุด 1,000 บาท (คุ้มครองสูงสุด 3 ครั้งต่อปี) พร้อมทั้งรับเงินชดเชยรายวันระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลสูงสุด 30 วัน โดยแผนนี้เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 419 บาท”
และ แผนฮิตไม่เลิก มีจุดเด่นให้ความคุ้มครองเลือกได้ 3,4 หรือ 8 โรคฮิตที่มากับฤดูกาล หรือโรคที่มักเจ็บป่วยบ่อย ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน โรคมือเท้าปากเปื่อย ไข้สุกใส โรคฉี่หนู และโรคไทฟอยด์หรือไข้รากสากน้อย พร้อมมีค่าชดเชยรายได้สูงสุด 30 วันจากการรักษาเมื่อเป็นผู้ป่วยใน รวมถึงให้ความคุ้มครองผลประโยชน์จากการเสียชีวิต 50,000 บาท
โดย แผนประกันภัยโรคสุดฮิต มีจุดเด่นที่เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียงหลักร้อย และทุกวัยสามารถซื้อได้ในราคาเดียว ซึ่งทั้ง 2 แผนมีความคุ้มครองที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน ตามความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเงินชดเชยรายได้ หรือความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยเบี้ยฯ เริ่มต้นที่ 299 บาท โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสำหรับกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ถึงสิ้นปี 2563 ไว้ที่ 10,000 กรมธรรม์ คิดเป็นจำนวนเงินเบี้ยประกัน 4 ล้านบาท ถือเป็นการทดสอบตลาดประกันสุขภาพพร้อมกับขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาประกันสุขภาพเต็มรูปแบบ เพื่อที่รุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบคาดว่าน่าจะเป็นในช่วงปี 2564 ซึ่งนอกจากกรมธรรม์ ทั้ง 2 ตัวนี้แล้วก่่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน บริษัทได้ออก กรมธรรม์ MSIG Cancer Fix คือประกันภัยมะเร็ง ที่คุ้มครองแบบเจอ จ่าย จบ ซึ่งเริ่มได้รับความสนใจจากประชาชนพอสมควร โดยบริษัทคาดว่าแนวโน้มตลาดประกันสุขภาพมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อไปจะเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากการประกันสุขภาพถือว่าเป็นความจำเป็นของประชาชน
