นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ผลประกอบการในช่วง 9 เดือน ปี 2562 ว่ามีรายได้รวม 16,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ย (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) เติบโต 7% รายได้ค่าธรรมเนียม ขยายตัว 4% และหนี้สูญได้รับคืนเติบโตที่ 2% ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) เท่ากับ 34% ลดลงจาก 34.8% ณ ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ค่าใช้จ่ายการบริหารงานอยู่ที่ 5,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการเพิ่มจำนวนสมาชิกบัตรใหม่ จากการปรับกลยุทธ์มุ่งเพิ่มรายได้จากการขยายตัวของจำนวนบัตรและพอร์ตลูกหนี้ ทำให้ยอดลูกหนี้รวมมีอัตราเติบโตสูงที่สุดในรอบสองปี ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2560 รวมไปถึงการจัดโปรแกรมการส่งเสริมการตลาดเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ค่าใช้จ่ายการตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% ประกอบกับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการบริหารงานอื่นๆ เพิ่มขึ้นที่ 5% และ 4% ตามลำดับ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมจ่ายใกล้เคียงเดิม ยังสามารถควบคุมมูลค่าต้นทุนการเงินอยู่ในระดับเดิม
สำหรับไตรมาส 3 มีกำไร 1,292 ล้านบาท ปรับตัวลดลงในอัตรา 7% เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของพอร์ต ค่าใช้จ่ายในการจัดหาบัตรใหม่ รวมถึงการจัดโปรโมชั่นทางการตลาดเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตร ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายรวมของไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 10% ขณะที่รายได้รวมเติบโต 4%
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 เคทีซีมีกำไรสุทธิ 4,205 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้การค้ารวม 79,618 ล้านบาท (ขยายตัว 9%) ฐานสมาชิกรวม 3.43 ล้านบัญชี (เติบโต 6%) แบ่งเป็นบัตรเครดิต 2,460,595 บัตร (ขยายตัว 7%) พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตรวม 51,137 ล้านบาท (ขยายตัว 10%) อัตราเติบโตของปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต 9 เดือน อยู่ที่ 10.4% NPL รวม ลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 1.07% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 0.96% สินเชื่อบุคคล 973,356 บัญชี (ขยายตัว 5%) ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 28,219 ล้านบาท (เติบโต 9%) NPL ของสินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 0.83%
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจ “พิโกไฟแนนซ์” (สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ) ธุรกิจ “นาโนไฟแนนซ์” (สินเชื่อรายย่อยผู้ประกอบอาชีพ) และธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน เคทีซีได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจทั้ง 3 ตั้งแต่เดือนสิงหาคมและกันยายน 2562 ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบระบบการให้สินเชื่อ ก่อนจะปล่อยสินเชื่อจริงในวงกว้าง โดยคาดว่าทั้ง 3 ธุรกิจใหม่นี้ จะสามารถเริ่มรับรู้กำไรได้ประมาณ 18-24 เดือน นับตั้งแต่วันที่ดำเนินธุรกิจจริง