คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) หรือ KWG ประกาศทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ซื้อหุ้น ‘แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต’ และ ‘บลจ.แมนูไลฟ์’ ต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิตและบลจ. ในประเทศไทย นับเป็นการควบรวมครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมประกันภัยในประเทศไทย ต่อจากการเข้าซื้อบริษัท คิว บี อี อินชัวรันส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อปี 2017 ทั้งนี้ KWG เตรียมจัด EGM ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 13 กุมภาพันธ์นี้ ขออนุมัติแผนเพิ่มทุนเข้าซื้อกิจการแมนูไลฟ์ ย้ำมั่นใจในโอกาสเติบโตสองธุรกิจหลัก ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจประกันภัย และกองทุนรวม เดินหน้าขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจประกันภัยแบบดิจิทัล ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มทยอยรับรู้รายได้แล้วแต่ส่วนใหญ่ยังรอโอน คาดว่าจะส่งผลทำให้สามารเทิร์นอะราวด์ได้ในปี 2564
นายแอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) บริษัทในเครือ คิง ไว กรุ๊ป โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ ฮ่องกง และมีชื่อเสียงในสาธารณรัฐประชาชนจีน เปิดเผยถึง แผนการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บมจ. แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต (ประเทศไทย) ของ บจ. คิง ไว แคปปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ( KWG ถือหุ้น100%) ที่ 99.61% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท แมนูไลฟ์ฯ จากกลุ่ม บริษัท แมนูไลฟ์ไฟแนนเชียล เอเชีย จำกัด , บจ.โอคิวซี (ประเทศไทย) และ บจ. ซีดีเอฟ (ประเทศไทย) รวมถึงเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ 48.86% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบลจ.แมนูไลฟ์ จาก บจ. แมนูไลฟ์ไฟแนนเชียล เอเชีย (หุ้นที่เหลือนั้นถือโดย บมจ. แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต (ประเทศไทย) คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวม 1,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติไฟเขียวแผนเพิ่มทุน โดยมีมติเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 พิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ KWG จาก 13,170.53 ล้านบาท เป็นจำนวนไม่เกิน 20,670.53 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวนไม่เกิน 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท เสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ในอัตราเสนอขายไม่ต่ำกว่า 1.7561 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ โดยราคาเสนอขายคำนวณจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักย้อนหลัง 15 วัน ก่อนวันที่ 12 ก.พ.2563 (ได้แก่วันที่ 21 ม.ค.-11 ก.พ. 2563) และจะมีส่วนลด 5% ของราคาถัวเฉลี่ยดังกล่าว โดยผู้มีสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญใหม่จะต้องมีรายชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้น วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จะนำไปซื้อหุ้น ของบริษัท แมนูไลฟ์ และบลจ.แมนูไลฟ์ ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
สำหรับความเชื่อมั่นในแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2562 คือ บริษัท เคดับเบิลยูที 1499 (ประเทศไทย) คอมปานี พีทีอี แอลทีดี หรือ KWT1499 สัดส่วน 46.73% และบจ. ทอมโม (ประเทศไทย) สัดส่วน 38.22% ซึ่งเป็นกลุ่มของคิง ไว กรุ๊ป ยืนยันจะเพิ่มทุนตามสัดส่วนเหมือนดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นแผนการเติบโตในอนาคต
“การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่หายาก ที่จะสามารถซื้อธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยจากบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกด้วยราคาที่ดีมาก ซึ่งจะช่วยทำให้ยกระดับกลุ่ม คิง ไว กรุ๊ป สู่การเป็นบริษัทประกันที่ให้บริการครอบคลุมครบวงจร โดยปัจจุบันสินทรัพย์ของแมนูไลฟ์มีอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งไม่มากนัก จึงทำให้เห็นโอกาสในการเติบโตยิ่งขึ้นภายใต้การบริหารงานของ บริษัท คิง ไว กรุ๊ป
ทั้งนี้ แม้ว่ามูลค่าของสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารในประเทศไทยของแมนูไลฟ์ไม่ใหญ่มากนัก แต่เป็นโอกาสในการขยายการลงทุนตามเงื่อนไขของสำนักงานการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต) ในการบริหารเงินลงทุนในการประกอบธุรกิจอื่น ที่สอดคล้องกับลักษณะการรับประกันภัย เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้เอาประกันในอนาคต เช่นเดียวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายแห่งที่มีการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับธุรกิจประกัน เพื่อรับรู้รายได้จาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และให้ผลตอบแทนระยะยาวแก่ผู้เอาประกันชีวิต ประกันภัย และเชื่อมั่นกับการพลิกเทิร์นอะราวน์ของบริษัทฯ” นายแอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน กล่าว
สำหรับเป้าหมายหลังการซื้อหุ้นครั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจประกันวินาศภัย การเข้าทำรายการจึงส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจการให้บริการทางการเงินผ่านบริษัท แมนูไลฟ์ ซึ่งประกอบธุรกิจประกันชีวิตในตลาดเอเชียและประเทศไทย และถือเป็นตลาดหลักสำหรับการขยายการลงทุนนอกเหนือจากธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทย่อยคือ บมจ. คิง ไว ประกันภัย ในปัจจุบัน
โดยธุรกิจประกันชีวิตจะสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มั่นคงให้แก่บริษัทฯ และสามารถขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ในประเทศไทยผ่าน บลจ.แมนูไลฟ์ และประกอบธุรกิจจัดการกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล สอดรับแผนขยายการให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ก็ยังสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ เช่น สามารถแบ่งปันฐานลูกค้าระหว่างหน่วยธุรกิจกัน เป็นการบริการอย่างครบวงจร โดยสามารถนำเสนอประกันภัยสุขภาพให้แก่พนักงานและประกันวินาศภัยให้กับสินทรัพย์ของบริษัทในเวลาเดียวกัน และเป็นการขยายประเภทการประกอบธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะลดความเสี่ยงและสร้างผลประโยชน์ให้แก่บริษัทฯ อย่างมั่นคงและยั่งยืน เนื่องจากธรรมชาติของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นสร้างรายได้ลักษณะเป็นก้อนใหญ่ตามช่วงเวลาที่รับรู้รายได้จากการโอน ขณะที่ ธุรกิจประกันนั้นรับรู้รายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้รายได้และกระแสเงินสดของบริษัทฯ มีเสถียรภาพ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมายระยะยาว
ทั้งนี้ KWG เกิดจากการเข้าตลาดผ่านการซื้อ บริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KTP ในอดีต โดย “คิง ไว กรุ๊ป” เครือธุรกิจชั้นนำที่ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกง ได้เข้ามาถือหุ้น KTP เมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 ในสัดส่วนเกิน 45% ผ่านบริษัท เคดับเบิลยู 1499 พร้อมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ทำให้ บริษัท เคดับเบิลยูที 1499 (ประเทศไทย) คอมปานี พีทีอี แอลทีดี หรือ KWT1499 เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และเปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KWG พร้อมกับการเดินหน้าขยายกิจการเพื่อสร้างรากฐานธุรกิจในประเทศไทยให้ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม แผนการเติบโตของ KWG เป็นแผนระยะยาว บริษัทฯ ต้องใช้แหล่งเงินทุนในการขยายธุรกิจต่อไป โดยไม่เน้นเรื่องการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงต่อบริษัทฯ และมองว่า บริษัทฯ สามารถใช้เงินจากการเพิ่มทุนในการขยายธุรกิจ โดยกลุ่มคิง ไว กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มีสัดส่วนรวมกันกว่า 80% ก็ใช้สิทธิเต็มจำนวนทุกครั้ง
สำหรับผลประกอบการที่ยังขาดทุนอยู่นั้น เนื่องจากงานโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าไปรุกขยายธุรกิจ ยังโอนส่งมอบไม่ทันงบปี 2562 และการลงทุนเข้าซื้อกิจการประกันวินาศภัยในปี 2561 ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่มองว่า เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ในช่วงขยายธุรกิจ แม้งบการเงินในปีนี้ยังขาดทุนอยู่ แต่เป็นการขาดทุนที่ลดลงจากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในปี 2564 ด้วยกลยุทธ์ใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจประกัน
โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2562 ที่ผ่านมามีรายได้เป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2563 – 2654 จากโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่ได้วางแผนไว้ โดยปัจจุบันมีจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ วิลล่า อะคาเดีย ศรีนครินทร์ โครงการ เอส61 สุขุมวิท บาย เคดับบลิวจี และโครงการดับบลิว วิลล่า บาย เคดับบลิวจี ที่จะเริ่มโอนและรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2563
สำหรับธุรกิจประกัน ในปี 2562 ที่ผ่านมามีรายได้เป็นสัดส่วนใหญ่เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด ซึ่งมาจากบริษัท คิง ไว ประกันภัย ที่ KWG เข้าลงทุนซื้อหุ้น 98.24% ของบริษัทคิว บี อี อินชูแรนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทประกันวินาศภัยระดับโลก ในเดือนพฤษภาคม 2561 และปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท คิง ไว ประกันภัย จำกัด ซึ่งการเข้าซื้อกิจการประกันภัยครั้งนั้นนับเป็นก้าวย่างที่สำคัญสำหรับบริษัทคิง ไว กรุ๊ป ที่ได้วางแผนขยายการลงทุน และขยายเข้าไปในธุรกิจด้านการเงินในจีน ฮ่องกง ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป
ปัจจุบันอยู่ระหว่างแผนการเพิ่มทุนเข้าสู่ธุรกิจประกันชีวิต เพื่อสนับสนุนแผนธุรกิจระยะยาวของบริษัท โดยจะเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คิดเป็น 99.61% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท แมนูไลฟ์ฯ และเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด 48.86% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบลจ.แมนูไลฟ์ คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวม 1,000 ล้านบาท