ไทยพาณิชย์ปิดบิ๊กดีล 9.27 หมื่นล้าน ขาย SCBLIFE ให้ FWD Group พร้อมลงนามความร่วมมือธุรกิจระยะยาว

0
462

            เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) หรือ SCB ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ธนาคารได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นซึ่งมีผลผูกพันเพื่อการขายหุ้นที่ธนาคารถืออยู่ทั้งหมดใน บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต หรือ SCB Life ให้แก่กลุ่มเอฟดับบลิวดี (FWD Group Financial Services Pte. Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านประกันชีวิตในเอเชีย โดยภายหลังการซื้อขายหุ้นดังกล่าวแล้วเสร็จ ธนาคารและ SCB Life จะเข้าทำสัญญาจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคารระยะยาว โดยการเข้าทำรายการครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือด้านประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์

 

         ในความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารจะเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของเอฟดับบลิวดี ให้แก่ลูกค้าของธนาคารผ่านช่องทางจัดจำหน่ายต่าง ๆ ของธนาคารเป็นเวลา 15 ปี โดยภายใต้ข้อกำหนดของสัญญา ธนาคารจะได้รับค่าตอบแทนทั้งหมดเป็นจำนวน 9.27 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ธนาคารจะยังได้รับค่าตอบแทนสำหรับการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตตลอดช่วงระยะเวลาความร่วมมือเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคาร

          การเป็นพันธมิตรประกันชีวิตครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และมีช่องทางจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม กับบริษัทเอฟดับบลิวดีซึ่งมีความสามารถที่โดดเด่นทั้งด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่สร้างสรรค์และตรงใจลูกค้า

 

          ทั้งสองฝ่ายพร้อมร่วมมือเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์แลประสบการณ์บริการเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า อีกทั้งการลงนามความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นเพื่อบรรลุเป้าหมายของธนาคารในการเป็น “ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด” หรือ The Most Admired Bank ต่อลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น องค์กรกำกับดูแล และสังคมไทย โดยการทำสัญญาข้างต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้น อาทิ การได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องและการได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของธนาคาร โดยภายหลังการทำรายการแล้วเสร็จ ลูกค้าที่ถือครองกรมธรรม์ของ SCB Life จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ลูกค้าจะยังคงได้รับผลประโยชน์ ความคุ้มครอง รวมถึงบริการอย่างต่อเนื่องดังที่กำหนดในกรมธรรม์ อีกทั้งกรมธรรม์ของ SCB Life จะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องโดยเอฟดับบลิวดี

          นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธุรกิจประกันชีวิตเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อธนาคารในระยะยาว โดยความร่วมมือกับเอฟดับบลิวดีจะเป็นการรวบรวมเอาจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมาสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงานและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เอฟดับบลิวดีถือเป็นบริษัทชั้นนำด้านประกันชีวิตในภูมิภาค ที่มีความสามารถในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่ายและตรงกับความต้องการของลูกค้า มีความสามารถโดดเด่นด้านเทคโนโลยี รวมถึงมีทีมบริหารที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งสิ่งสำคัญในการเป็นพันธมิตรร่วมกันในครั้งนี้ ทั้งธนาคารและเอฟดับบลิวดีมุ่งมั่นที่จะสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย โดยยึดมั่นถึงความต้องการของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก นับว่าเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจในครั้งนี้

          ด้าน ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงเป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ลูกค้าคือหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของเรา ดังนั้น เป้าหมายสำคัญของพันธมิตรธุรกิจในครั้งนี้คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่สร้างสรรค์ ตอบโจทย์และครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเน้นไปที่ความมุ่งมั่นทั้งสองฝ่ายในการพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่น โดยจะต่อยอดการลงทุนในดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการสร้างประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ให้แก่ลูกค้าในอนาคต

           นายฮวิน ทัน ฟง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มเอฟดับบลิวดี กล่าวว่า เหตุผลในการเข้าซื้อและการร่วมเป็นพันธมิตร ในแง่หนึ่ง ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าเราจะกำหนดอนาคตของเราอย่างไร การพัฒนาองค์กรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงจำเป็นจะต้องทำอย่างสมดุล ในด้านหนึ่งคือความเชื่อมั่น และไว้วางใจองค์กรอย่างเช่นธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานหลายสิบปี ทั้งยังประสบความสำเร็จในการพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเมื่อตลาดมีการพัฒนาและเติบโต ดังปรากฏว่าธนาคารไทยพาณิชย์ดำเนินงานมากว่า 113 ปี มีฐานลูกค้ากว่า 16 ล้านราย และมีมูลค่าสินทรัพย์รวมสูงสุดเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินอื่นของไทย (ณ สิ้นไตรมาสแรก ปี พ.ศ. 2562) เหล่านี้ถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของไทยพาณิชย์ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

        แต่อีกด้านหนึ่งก็คือ เทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงโลกไปพร้อมๆ กับเปิดโอกาสในการพัฒนาด้านต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้าและบริการ ความรวดเร็ว การบริหารต้นทุน การพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการลูกค้าเฉพาะราย และอื่นๆ อีกมากมาย เราเชื่อมั่นว่า เอฟดับบลิวดีได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการนำประโยชน์เหล่านี้มาสู่ธุรกิจประกัน ซึ่งจะดำเนินต่อไปในการขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอลที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เริ่มดำเนินการมาแล้ว

ประเทศไทยจัดเป็นตลาดหลักของเอฟดับบลิวดีอยู่แล้วด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่งและโครงสร้างประชากรที่เอื้ออำนวย เอฟดับบลิวดีมีการลงทุนอย่างสูงในประเทศไทย และยังคงพร้อมเสริมความแข่งแกร่งในธุรกิจของเราที่นี่ต่อไป เราเชื่อว่าตลาดประกันชีวิตในไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตอีกมาก แม้ว่าการเข้าถึงการประกันในประเทศไทยยังอยู่ในระดับต่ำ แต่การพัฒนาด้านดิจิตอลจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงทางเลือกที่เหมาะสมและบริการด้านประกันได้มากขึ้น

ทำไมเอฟดับบลิวดีจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เริ่มต้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราเข้าสู่เส้นทางการสร้างธุรกิจประกันที่แตกต่าง ด้วยการใช้รูปแบบนำเสนอธุรกิจประกันโดยเน้นที่ความสำคัญของมัน กลุ่มเอฟดับบลิวดี ประกอบธุรกิจประกันครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย โดยมีการดำเนินงานในฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเก๊า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทย และเวียดนาม และมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างในทุกตลาดที่เราดำเนินงาน โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลัก คือ กลุ่ม แปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ป ที่มีความตั้งใจที่จะลงทุนในระยะยาวเพื่อร่วมสร้างอนาคตกับเรา และจะช่วยสนับสนุนให้พันธมิตรในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอีกด้วย จากการสร้างทีมงานที่ยอดเยี่ยม และนำความสามารถในการปรับใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตอล ทำให้เอฟดับบลิวดีก้าวหน้าสู่ความสำเร็จได้ตามเป้าประสงค์ เราสร้างฐานลูกค้าได้มากกว่า 5 ล้านรายภายใน 5 ปี และก้าวสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ติดอับดับหนึ่งในสิบในตลาดหลักของเรา และสำหรับในประเทศไทยนั้น เรามีลูกค้ากว่า 2.2 ล้านราย ซึ่งบทสรุปอันเป็นเป้าหมายสูงสุดของเรา คือ การทำให้ลูกค้าเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการประกันชีวิต เราต้องการสร้างพลังให้กับธุรกิจประกัน ท้าทายรูปแบบเดิมๆ และขับเคลื่อนการการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจ

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่