ดร. เบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ME by TMB เปิดเผยว่า ตลอด 7 ปี ME by TMB เป็นผู้นำดิจิทัล แบงก์กิ้ง เพื่อตอบโจทย์คนยุคดิจิทัล ด้วยจุดยืนผลตอบแทนที่มากกว่า ส่งผลให้ ME มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีลูกค้ากว่า 360,000 บัญชี เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี และให้ดอกเบี้ยลูกค้าไปแล้วรวมทั้งสิ้น 4,490 ล้านบาท โดยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ดังนี้
ME SAVE บัญชีเงินฝากดิจิทัล ซึ่งให้ดอกเบี้ย1.7% ต่อปี สูงถึง 4.5 เท่าของออมทรัพย์ทั่วไป และได้ปลดล็อคการเปิดบัญชี ME SAVE ได้ผ่านระบบ EKYC (Electronic Know Your Customer) เมื่อเดือนตุลาคม 2561 ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ME โดยไม่ต้องไปที่สาขา
ME MOVE บัญชีเพื่อใช้จ่าย พร้อมฟีเจอร์ Balance sweep ที่ช่วยปัดเงินที่ยังไม่ใช้ไปเก็บที่ ME SAVE เพื่อรับดอกเบี้ยสูงแบบอัตโนมัติ ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก โดยลูกค้าเปิดบัญชีถึง 48,000 บัญชี มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 40,000 บัญชี ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าทำธุรกรรมกับ ME เพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับปี 2560
ME SURE การนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านแอปพลิเคชั่นเป็นรายแรกของไทย ด้วยประกันสะสมทรัพย์ มอร์ เซฟวิ่งส์ 10/5 ที่สะดวก ซื้อง่าย และคุ้มครองทันที โดย ME นำเสนอข้อมูลให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกเอง ตามคอนเซปต์ ME ที่เป็น “Self-Service Banking to Get More” ดิจิทัลแบงก์ ที่ลูกค้าทำธุรกรรมการเงินด้วยตนเอง เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า
ดร. เบญจรงค์ กล่าวว่า ฟีเจอร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สะดวก ใช้งานง่าย สามารถตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิตัล เช่น เก็บเงินได้มากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ Balance sweep ของบัญชี ME MOVE ที่ช่วยปัดเงินที่ยังไม่ใช้ไปรับดอกเบี้ยสูงกับ ME SAVE การใช้จ่ายได้สะดวกขึ้น ด้วยฟีเจอร์ QR payment ของบัญชี ME MOVE การได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ บัญชีเพื่อการลงทุนที่ได้ผลตอบสูง รวมทั้งการเก็บเงินพร้อมความคุ้มครองที่มากขึ้น กับ ME SURE ซื้อประกันผ่านแอปพิเคชันพร้อมความคุ้มครองทันที และผลตอบแทนที่ได้รับคืนเข้าบัญชี ME SAVE เพื่อรับดอกเบี้ยให้เงินงอกเงย
ดร. เบญจรงค์ กล่าวว่า ปีใน 2562 ME มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นลูกค้าให้หันมาใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ME มากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากปัจจุบันที่มีลูกค้าใช้งานอยู่ประมาณ 70% ซึ่งขณะนี้อยู่ใน Sand box หรือ เฟส 2 ของการพัฒนาไปสู่ Full EKYC ที่ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีได้ด้วยบัตรประชาชน และสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS โดยคาดว่าจะใช้งานได้ในไตรมาสที่สอง
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้จะเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ME by TMB และนำข้อมูลการใช้บริการมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น (Personalize) และก้าวสู่ดิจิทัล เอ็กซ์พีเรียนซ์ (Digital Experience) ศึกษาข้อมูลจากพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
ทั้งนี้ได้แบ่งกลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านกลยุทธ์ Personalize โดยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ พร้อมนำเสนอบริการแบบครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าได้รับ Digital Experience ผ่านกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่
ME Love You กลุ่มลูกค้าที่ใช้งาน ME เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง มีความเคลื่อนไหวทางบัญชี หรือฝากมากกว่าถอน รวมถึงกลุ่มที่มีผลิตภัณฑ์ ME ครบทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ โดยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการ พร้อมด้วยสิทธิพิเศษ (Privilege) ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและบอกต่อในอนาคต
ME Miss You กลุ่มลูกค้าที่ขาดการติดต่อกับ ME โดยกระตุ้นให้กลับมาเคลื่อนไหวบัญชี ด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทำใช้งานบัญชีสะดวกสบาย เพื่อให้ ME กลับมาเป็นหนึ่งในดิจิทัลไลฟ์สไตล์
ME Need You กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยโฟกัสไปที่กลุ่ม Gen D (Digital Generation) หรือกลุ่มคนที่มีทัศนคติต่อเรื่องดิจิทัลในทุกบทบาทชีวิตและ Gig worker หรือ ฟรีแลนซ์ เนื่องจากผลวิจัยพบว่า พฤติกรรมของ Gen D ชอบใช้โซเชียลในชีวิตประจำวัน โดยให้ความสำคัญกับ 2 เรื่องหลัก คือ การบริหารการใช้จ่ายเพื่อการออม และการบริหารการลงทุน
นอกจากนี้กลุ่ม Gen D ส่วนใหญ่มีเป้าหมายวางแผนการเงินระยะสั้น มากกว่าระยะยาว เช่น เก็บเงินเพื่อวางแผนท่องเที่ยว เพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการ หรือเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย ดังนั้น ME จะเข้าช่วยให้มีเงินเก็บถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น และทำให้เงินเก็บงอกเงย ถึงเป้าหมายในระยะยาวได้ง่ายขึ้น
“การมีผลิตภัณฑ์เงินฝากดิจิทัลใหม่ๆ จะทำให้ตลาดดิจิทัลแบงก์กิ้งของไทยขยายตัว และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ใช้ดิจิทัลอย่างแท้จริง ซึ่งนับว่า ME เป็นโมเดลดิจิทัลแบงก์กิ้งแห่งแรก ที่มีบัญชีเพื่อเก็บเงิน เพื่อใช้จ่าย และเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ด้วยจุดยืนของการให้ผลตอบแทนที่มากกว่า โดยตั้งเป้าให้ลูกค้าทำธุรกรรมทุกอย่างผ่านช่องทางดิจิทัล 100%” ดร. เบญจรงค์กล่าว