อุตสาหกรรมประกันภัย ออก 10 มาตรการ ลดผลกระทบวิกฤติไวรัสโควิด-19 เศรษฐกิจสะดุด

0
194

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพ่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยยังไม่คลี่คลาย  ประกอบกับส่งผลกระทบถึงภาคอุตสาหกรรมประกันภัยและภาคธุรกิจ
ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่ง ที่นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทาง
เป็นจำนวนมาก รวมถึงมีการลดจำนวนเที่ยวของการขนส่งสินค้า ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 สำนักงาน คปภ. จึงได้จัดประชุมหารือร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ประกอบด้วย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกัน
วินาศภัยไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน และสมาคมนายหน้าประกันภัย เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเพิ่มเติม โดยได้ข้อยุติร่วมกันเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม ดังนี้

 

มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมประกันภัยและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

มาตรการที่ 1 จะออกคำสั่งนายทะเบียน เพื่อปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำที่ใช้ในการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัย โดยจากเดิมกำหนดที่อัตรามากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 2 เป็นมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 1 เพื่อรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 และสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ

มาตรการที่ 2 จะออกคำสั่งนายทะเบียน เพื่อขยายระยะเวลาของมาตรการในคำสั่งนายทะเบียนที่ออกไปแล้วเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ดังนี้

ด้านการประกันชีวิต

  1. ผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย ในกรณีกรมธรรม์ประกันชีวิตครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยขยายระยะเวลาผ่อนผันออกไปอีก 60 วัน นับแต่วันครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันเดิม
  2. ยกเว้นดอกเบี้ยกรณีกรมธรรม์ประกันชีวิตสิ้นผลบังคับ ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 หากผู้เอาประกันภัยขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ประกันชีวิต ภายใน 6 เดือน
  3. ผ่อนผันการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในกรณีนำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ หรือมีการกู้ยืมเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิต ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทอาจยกเว้นหรือปรับลดดอกเบี้ย เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน

4.อนุญาตให้มีการผ่อนผันให้ผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยในแต่ละงวด โดยไม่คิดดอกเบี้ย
เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ในกรณีผู้เอาประกันภัยมีการเปลี่ยนแปลงงวดการชำระเบี้ยประกันภัยใดๆ ก็ตามหรือมีการชำระเบี้ยประกันภัยรายงวดที่น้อยกว่า 1 ปี โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงงวดการชำระเบี้ยประกันภัย
ในระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563

5.ขอความร่วมมือบริษัทประกันชีวิตให้ผ่อนคลายการกำหนดจำนวนเงินกู้ยืมตามกรมธรรม์ โดยให้มีการปรับเพิ่มเพดานขั้นสูงของจำนวนเงินกู้ยืมตามกรมธรรม์

6.ให้บริษัทประกันชีวิตสามารถลดอัตราเบี้ยประกันภัย สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตและสัญญาเพิ่มเติมที่ให้ความคุ้มครองสุขภาพ ได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนเบี้ยประกันภัย กรณีทำสัญญาประกันภัยกับบริษัท ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และวันเริ่มต้นคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยต้องไม่เกินวันที่ 31 สิงหาคม 2563

ด้านประกันวินาศภัย

  1. ผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันสุขภาพ หรือกรมธรรม์ประกันภัยที่มีความคุ้มครองเดียวกัน ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 โดยให้ขยายระยะเวลาผ่อนผันออกไปอีก 60 วัน นับแต่วันครบระยะเวลาผ่อนผันเดิม
  2. ผ่อนผันเงื่อนไขการชำระเบี้ยประกันภัย โดยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายงวดได้ สำหรับการประกันภัยอัคคีภัย และการประกันภัยเบ็ดเตล็ด ที่กำหนดไว้ในรายงานสถิติธุรกิจประกันวินาศภัยของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ที่มีการทำสัญญาหรือมีการชำระเบี้ยประกันภัยตามสัญญาในระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563
  3. ให้บริษัทประกันวินาศภัยอาจเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการเริ่มต้นและสิ้นสุดความคุ้มครองของการประกันภัยการเดินทางได้ ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยมีกำหนดเดินทาง ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และมีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนการเดินทาง ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งให้บริษัททราบก่อนวันเริ่มต้นความคุ้มครองเดิม
  4. จะออกคำสั่งให้บริษัทประกันวินาศภัยสามารถลดอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับผู้เอาประกันภัยโดยตรงกับบริษัทได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนเบี้ยประกันภัย (สำหรับการประกันภัยอัคคีภัย และการประกันภัยเบ็ดเตล็ด ที่กำหนดไว้ในรายงานสถิติธุรกิจประกันวินาศภัยของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) โดยต้องเป็นการทำสัญญาประกันภัยกับบริษัท ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และวันเริ่มต้นคุ้มครองตามกรมธรรม์ฯ ต้องไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2563

ด้านคนกลางประกันภัย

  1. ออกประกาศให้ตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต ตัวแทนประกันวินาศภัย ตัวแทนประกัน
    วินาศภัย ที่ได้รับผลกระทบและใบอนุญาตฯ สิ้นอายุตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 สามารถยื่นขอขยายระยะเวลาขอต่ออายุใบอนุญาตได้ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2563
  2. ขอความร่วมมือตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต ตัวแทนประกันวินาศภัย นายหน้าประกันวินาศภัย ชะลอหรืองดการเข้าสอบหรือการเข้าอบรมตามหลักสูตรขอรับหรือขอต่ออายุใบอนุญาตฯ นับตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563
  3. ให้ผู้เข้าสอบที่เดินทางกลับมา หรือเดินทางผ่าน หรือได้ทำกิจกรรมในระยะใกล้ชิด หรือ สัมผัสกับบุคคล
    ที่เดินทางกลับมา หรือเดินทางผ่านจากประเทศหรือเขตปกครองที่เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19
    ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ภายใน 14 วัน ก่อนวันสอบต้องยื่นขอเลื่อนสอบไปยังหน่วยงานจัดสอบหรือสำนักงาน คปภ.ตามที่ได้สมัครสอบไว้มาตรการที่ 3 เพื่อบรรเทาผลกระทบสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สำนักงาน คปภ. จึงมีมาตรการช่วยเหลือ ดังนี้

    1. สำหรับกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับและรถยนต์ที่เอาประกันภัยนั้นไม่ได้มีการใช้เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป ผู้ประกอบการฯ สามารถแจ้งหยุดการใช้รถได้ โดยบริษัทผู้รับประกันภัยจะคืนเบี้ยประกันภัยในช่วงระยะเวลา
      ที่หยุดให้แก่ผู้ประกอบการฯ หรือผู้ประกอบการฯสามารถตกลงกับบริษัทผู้รับประกันภัยเพื่อนำเบี้ยประกันภัยที่ได้รับคืนมาขยายระยะเวลาเอาประกันภัยได้
    2. สำหรับกรมธรรม์ใหม่และกรมธรรม์ที่มีการต่ออายุ สำนักงาน คปภ. จะดำเนินการออกมาตรการระยะสั้น ด้วยการออกคำสั่งนายทะเบียนให้บริษัทพิจารณาให้ความช่วยเหลือ โดยอาจให้ส่วนลดอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่ง ได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 30 ของจำนวนเบี้ยประกันภัย
      สำหรับการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทุกประเภทสำหรับการทำสัญญากับบริษัทประกันภัย ตั้งแต่วันที่มีผลบังคับตามคำสั่งนายทะเบียน ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และปรับปรุงแก้ไขประกาศ คปภ./ข้อบังคับ ให้บริษัทพิจารณาให้ความช่วยเหลือ โดยอาจผ่อนผันให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและผู้ประกอบการขนส่ง แบ่งชำระเบี้ยประกันภัยรถยนต์เป็นรายงวดได้ สำหรับผู้ประกอบการฯ ที่มีการทำสัญญาหรือมีการชำระเบี้ยประกันภัยตามสัญญา ตั้งแต่วันที่มีผลบังคับตามคำสั่งนายทะเบียน ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563

    มาตรการที่ 4 จัดทำแนวปฏิบัติ เรื่อง การจัดทำแผนการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องสำหรับการการรับมือเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID -19 ของบริษัทประกันภัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางให้แก่ภาคธุรกิจไปปรับใช้ในการทบทวนและจัดทำแผน BCP ให้เหมาะสม และสอดคล้องกับความรุนแรงของสถานการณ์แต่ละระดับ

    มาตรการที่ 5 ผ่อนผันการจัดส่งรายงานการดำรงเงินกองทุนประจำปี รายไตรมาส และรายเดือน รวมถึงกรอบและนโยบายการบริหารความเสี่ยง และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและแผนธุรกิจของบริษัทออกไปอีกไม่เกิน
    30 วัน นับจากวันที่กำหนดให้ส่งรายงาน โดยให้บริษัทขอผ่อนผันต่อนายทะเบียนเป็นรายกรณี

    มาตรการที่ 6 ผ่อนผันการยื่นรายงานทางการเงินของบริษัทประกันภัย  โดยผ่อนผันให้ครั้งละไม่เกิน 30 วันนับแต่วันครบกำหนด โดยให้บริษัทขอผ่อนผันต่อนายทะเบียนเป็นรายกรณี

    มาตรการที่ 7 ผ่อนผันการยื่นงบการเงินและรายงานต่าง ๆ ของนายหน้าประเภทนิติบุคคล โดยผ่อนผันให้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันครบกำหนด โดยให้นายหน้าประเภทนิติบุคคลขอผ่อนผันต่อนายทะเบียนเป็นรายกรณี

    มาตรการที่ 8  ให้นายหน้าประกันภัยประเภทนิติบุคคลต้องมีความพร้อมกรณีที่บริษัทประกันภัยคู่สัญญาประกาศใช้แผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

    มาตรการที่ 9 ปรับแผนการตรวจสอบ โดยเน้นการตรวจสอบนอกที่ทำการบริษัท (off-site inspection) แทนการเข้าตรวจสอบ ณ ที่ทำการบริษัท (on-site inspection) เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของไวรัส
    โควิด 19 และใช้เทคโนโลยีเข้าร่วมในการตรวจสอบ

    มาตรการที่ 10 ผ่อนผันให้บริษัทสามารถขออนุญาตปิดที่ทำการติดต่อกับประชาชนบางพื้นที่หรือบางสาขา เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหรือการป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส COVID-19  

    “โดยการทำงานในเชิงบูรณาการในครั้งนี้มุ่งไปที่การเยียวยาภาคธุรกิจประกันภัยและธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ขอย้ำว่ามาตรการที่กำหนดทุกมาตรการเป็นมาตรการระยะสั้น ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนให้เกิดความยืดหยุ่นเพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งสำนักงาน คปภ.จะ monitor สถานการณ์และ
    ความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะทบทวนมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม” เลขาธิการ คปภ. กล่าว

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่