นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทีเอ็มบี เปิดเผยถึงความคืบหน้าของรวมกิจการธนาคารทีเอ็มบี และธนาคารธนชาตว่า มีความคืบหน้าไปมาก ในทางพฤตินัยถือว่ารวมกันเป็นหนึ่งแล้ว แต่ในทางนิตินัยยังต้องใช้เวลาในการหลอมรวม จาก 1 ทีมบริหาร 1 บอร์ด 2 แบงก์ เป็น 1 ทีมบริหาร 1 แบงก์ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ด้วยการรวมทีมงานทั้งสองธนาคารเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ ONE DREAM, ONE TEAM, ONE GOAL เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดี หรือ Financial Well-being ให้กับลูกค้าและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นรากฐานที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายในชีวิต
“เรามี ONE DREAM ที่เป็นจุดหมายเดียวกัน มี ONE TEAM ที่ช่วยกันขับเคลื่อนองค์กร ร่วมกันสร้างนิยามใหม่ของวงการธนาคาร ที่ไม่ได้มุ่งในเรื่องการเติบโตหรือขนาดสินทรัพย์ แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างประโยชน์ให้ลูกค้าเพราะลูกค้าแต่ละคนมีโจทย์ที่แตกต่างกัน เราจึงต้องมองลูกค้าเป็นปัจเจก โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยตอบสนองความต้องการเป็นรายบุคคล ตามความต้องการในแต่ละช่วงชีวิต เพื่อตอบโจทย์ในการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดี (Financial Well-being) และหวังเป็นธนาคารที่ลูกค้าชื่นชอบและบอกต่อมากที่สุด (Most Advocated Bank)”
“อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ต้องการ turn แบงก์ให้เป็น fintech หรือ Application แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ได้นำเทคโนโลยีมาทดแทนคน เปรียบได้กับคนไข้ไปโรงพยาบาลย่อมต้องการคุยกับหมอไม่ใช่คุยกับ AI การให้บริการทางเงินก็เช่นเดียวกัน” นายปิติ กล่าว
นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ธนาคารเริ่มทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นของแต่ละธนาคารให้ลูกค้าได้รู้จักและทดลองใช้ โดยจะเริ่มเปิดให้บริการ Co-Location/ Co-Brand Branch ที่เป็นสาขาร่วมระหว่างสองธนาคาร ในเดือนกุมภาพัน์ และวางแผนจะเปิดทั้งหมด 90 สาขา ให้ครอบคลุมจังหวัดหลักๆ ทั่วประเทศ ภายในปีนี้ เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกในการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของทั้งสองธนาคาร
และเดือนมีนาคม ลูกค้าจะได้รับความสะดวกจากการใช้บริการ ATM/ADM จำนวนกว่า 4,700 เครื่อง แบบฟรีค่าธรรมเนียมฝาก ถอน โอน ซึ่งลูกค้าทีเอ็มบี ทัช สามารถทำรายการกดเงินไม่ใช้บัตรจากเครื่องของธนชาต ขณะที่บิลสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิตของธนชาต ก็สามารถชำระได้ที่เครื่องของทีเอ็มบี
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมการผ่องถ่ายลูกค้าโมบายแบงกิ้งของธนชาติ “T connect” มาใช้ “TMB Touch” ซึ่งทำให้ฐานลูกค้าบนโมบายแบงกิ้งรวมกันประมาณ 4 ล้านราย โดยจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีการทำธุรกรรมมากขึ้น
ในส่วนของพนักงาน นายประพันธ์ ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายลดจำนวนพนักงานแต่อย่างใด จากอัตราการลาออกเฉลี่ย 10-20% ต่อปี หรือพนักงาน 1 หมื่นคน ลาออกเฉลี่ย 1,000 คนต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารไม่เพียงแต่ไม่ลดพนักงาน แต่ยังต้องหาพนักงานใหม่เข้ามาเสริมอีกด้วย โดยพนักงานจะได้รับสวัสดิการและการดูแลตามรูไปแบบ Employee Well-being โดยให้การดูแลในเรื่องหลักๆ 3 เรื่องคือ
1.) Health สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลตามอายุงาน โดยให้น้ำหนักกับเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้วยโรคร้ายแรง
2.) Wealth ให้เงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ในอัตราที่สูง เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางการเงินในระยะยาว
3.) Skill การพัฒนาทักษะพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากดิจิทัลเทคโนโลยี (Digital Disruption)