วิจัยกรุงศรี ปรับ GDP ปี 2563 จาก -10.3% เป็น -6.4% คาดปี 2564 โต 3.3%

0
450

ดร.สมประวิณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า วิจัยกรุงศรี ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทย หรือ GDP ปี 2563 จากเดิมคาดไว้ที่ -10.3% เป็น -6.4% เนื่องจากตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 ดีกว่าคาด  และคาดการณ์การเติบโตปี 2564 ไว้ที่ 3.3% ด้วยปัจจัยดังนี้

  • การส่งออก ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตปี 2563 จาก -12.5% เป็น -7.5% และประเมินส่งออกในปี 2564 จะเติบโตที่ 4.5% โดยปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัว และแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ประกอบด้วย
  1. อุปสงค์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น ทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการทำงานจากที่บ้าน (work from home)
  2. สัญญาณการฟื้นตัวตามวัฏจักรภาคการผลิตโลก จากการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยองค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ว่าการเติบโตของยอดส่งออกโลกจะกระเตื้องขึ้นเป็นบวก 7.2% ในปี 2564 จากคาดการณ์ที่ -9.2% ในปี 2563

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสการเติบโตจากภูมิภาคอาเซียนที่กำลังขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและแนวโน้มการพึ่งพากันภายในภูมิภาคมากขึ้น (Regionalization)  การที่ประเทศไทยเซ็นลงนามเข้าร่วม RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) จะมีผลบวกต่อเศรษฐกิจในอาเซียน ทั้งการประสานความร่วมมือและการเปิดเสรีด้านการค้ามากขึ้น

  • การบริโภคภาคเอกชน ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตปี 2563 จาก -4.2% เป็น   -1.1% และคาดว่าจะเติบโตที่ 2.5% ในปี 2564                                                                                       

โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคในปี 2563 จะหดตัวน้อยกว่าที่คาดไว้  ด้วยปัจจัยหนุนจากมาตรการให้เงินช่วยเหลือวงเงินมากกว่า 4 แสนล้านบาทในช่วงไตรมาส 2 และ 3  และมาตรการส่งเสริมการใช้จ่ายในประเทศวงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาทในไตรมาส 4/2563

ทั้งนี้ ในปี 2564 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (งบประมาณพิเศษของรัฐบาลวงเงิน 2 แสนล้านบาท) และกำลังซื้อจากกลุ่มชั้นกลางและกลุ่มที่มีรายได้สูง จะเป็นปัจจัยหนุนการบริโภคภาคเอกชนเติบโตต่อเนื่อง

  • การลงทุนภาคเอกชน ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตปี 2563 เป็น -11% และคาดการเติบโตปี 2564 ที่ 3.2%

โดยมองเห็นสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชนที่เกี่ยวเนื่องกับภาคส่งออก  ทั้งนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตในหลายอุตสาหกรรมได้แตะระดับก่อนวิกฤต ถือเป็นการเปิดทางไปสู่การขยายการลงทุนต่อไป

  • การลงทุนภาครัฐ ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตปี 2563 มาที่ 12.5% และคาดว่าจะเติบโตที่ 10.5% ในปี 2564

เพื่อสะท้อนถึงการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล โดยรัฐบาลมีแผนที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ ขณะที่ความล่าช้าของการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี 2563 กลับกลายเป็นปัจจัยบวกสำหรับอัตราการขยายตัวของการลงทุนภาครัฐในปี 2564 เนื่องจากฐานการคำนวณที่ต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า  

อย่างไรก็ตาม  การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวช้ากว่าปัจจัยขับเคลื่อนอื่นๆ เกิดภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินจำนวนมากในภาคบริการ  เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวสูงมาก ความเสียหายจากวิกฤตโควิด-19 อาจรุนแรงมากขึ้นจากมาตรการจำกัดการเดินทาง และความตึงเครียดทางการเมือง

  • การท่องเที่ยว  คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงมาที่ 4.0 ล้านคนในปี 2564 จาก 6.7 ล้านคน ในปี 2563

จากความกังวลของสถานการณ์แพร่ระบาด การเปิดประเทศด้วยการจับคู่เดินทางที่ล่าช้าออกไป และการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศที่ยาวนานกว่าที่คาด ท่ามกลางการระบาดรอบ 2 และรอบ 3 ของประเทศสำคัญทั่วโลก แม้มีข่าวดีเกี่ยวกับความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน แต่แนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังไม่เกิดขึ้นจนถึงไตรมาส 4/2564 ซึ่งเป็นช่วงที่คนทั่วโลกจะได้รับวัคซีนอย่างกว้างขวาง

ดร.สมประวิณ  กล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่า ยังคงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง แม้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจ แต่เป็นการฟื้นตัวที่เปราะบาง  อัตราเงินเฟ้อยังต่ำ  และนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษของธนาคารกลางหลักๆ ทั่วโลกบ่งชี้ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตลอดปี 2564

นอกจากนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในภาคธุรกิจต่างๆ ทำให้การใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินมีแนวโน้มเป็นแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และอาจมีการออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้  และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านสภาพคล่อง

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่