อาชีพตัวแทนประกันชีวิตในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามกฎมาตรฐานจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ยังต้องปรับวิธีการทำงานให้เหมาะสมกับวิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ลูกค้า และสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วย ดังนั้นการเป็นตัวแทนประกันชีวิตที่ประสบความสำเร็จและเติบโตในอาชีพ จึงไม่ได้วัดกันแค่ยอดขายหรือเบี้ยประกันชีวิตเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาถึงศักยภาพและคุณภาพของการทำหน้าที่ตัวแทนประกันชีวิตที่มีมาตรฐานความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริงด้วย
“AXA Prime” คุณวุฒิสูงสุดที่กลุ่มแอกซ่าภูมิภาคเอเชีย พัฒนาขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพ และยกระดับฝ่ายขายสู่มาตรฐานใหม่ โดยมุ่งเน้นที่ความเชี่ยวชาญด้านการประกันสุขภาพ ความคุ้มครอง และผลิตภัณฑ์ควบการลงทุน เพื่อกระตุ้นให้ตัวแทนพัฒนาศักยภาพของตน ให้ก้าวสู่ความเป็นนักขายมืออาชีพ
เริ่มจาก AXA Prime-Agent ก้าวสู่ AXA Prime-Leaders และเติบโตเป็นเจ้าของสำนักงาน AXA Prime-GA ในที่สุด
AXA Prime – Agent แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับ Gold ระดับ Silver และ ระดับ Bronze โดยตัวแทนระดับ Gold และ Silver จะต้องทำยอดขายลูกค้ารายใหม่ให้ได้ตามเป้า และตัวแทนทุกระดับจะต้องรักษาอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ไว้ไม่ต่ำกว่า 90%
AXA Prime – Leader แบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่ ระดับ Platinum ระดับ Gold โดยผู้จัดการตัวแทนระดับ Platinum จะต้องมี AXA Prime Agents ในหน่วยตรงจำนวน 4 ท่าน และ ระดับ Gold จะต้องมี AXA Prime Agents ในหน่วยตรงจำนวน 2 ท่าน
AXA Prime – GA โดยเจ้าของสำนักงาน จะต้องมีทีมงานภายใต้สำนักงานฯที่ติดคุณวุฒิ AXA Prime Agent จำนวน 8 ท่าน และ AXA Prime Leader จำนวน 3 ท่าน
บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต เปิดตัวคุณวุฒิ “AXA Prime” อย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2563 โดยกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นของตัวแทนที่ต้องพัฒนาตัวเองผ่านการฝึกอบรม 4 หลักสูตร ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน และต้องได้รับคุณวุฒิ MDRT
โดยฝ่ายขายทุกระดับที่ติดคุณวุฒิ AXA Prime จะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษมากมาย เช่น บริการ Fast Track การพิจารณารับประกันภัยแบบเร่งด่วน สิทธิ์ในการใช้บริการ KTAXA Lounge การเป็น Digital Agent โดยอัตโนมัติ การรับบริการสอบถามช่องทางพิเศษ Call Center 1159 เป็นต้น
AXA Prime–Agent
ตัวแทนทำงานง่าย ลูกค้าได้ประโยชน์
คุณอรรถพล แซ่โอ๊ว เริ่มต้นอาชีพตัวแทนประกันชีวิตแบบพาร์ทไทม์ในปี 2562 เพราะต้องการลบคำสบประมาทของที่บ้าน ที่มองว่าเป็นลูกคุณหนู จึงพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำธุรกิจครอบครัวและขายประกันควบคู่ไปด้วย เพียงปีแรกก็สามารถพิชิตคุณวุฒิ MDRT (Million Dollar Round Table) คุณวุฒิที่เป็นมาตรฐานการทำงานของธุรกิจประกันชีวิตและบริการทางการเงินในระดับสากล มาครอบครอง รวมทั้งได้รับรางวัลการแข่งขันต่างๆ ของบริษัทอีกหลายรางวัล ทำให้คนรอบข้างเริ่มเห็นความสำเร็จ ทางบ้านจึงเห็นแล้วว่าทำได้จริงและจริงจังกับอาชีพตัวแทน จากตอนแรกๆ ที่พ่อแม่เคยบ่นเคยว่าเวลานัดลูกค้า ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นคำถามว่าทำอย่างไร
“ตอนบอกที่บ้านว่าจะเป็นตัวแทนประกันชีวิต ไม่มีใครเห็นด้วยเลย เพราะที่บ้านผมมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการซื้อประกันชีวิต ตัวแทนไม่ชี้แจงข้อมูลความจริง ไม่อธิบายให้เข้าใจ ขายด้วยวิธีที่ผิดเหมือนหลอกให้ทำประกัน ผมจึงนำ Pain Point ตรงนี้มาปรับใช้ในอาชีพ ทำให้ลูกค้าเห็นถึงความจริงใจในการนำเสนอสินค้า ปีแรกๆ โดนลูกค้าสบประมาทค่อนข้างเยอะ ซึ่งผมไม่สนใจ ถ้าลูกค้าคนไหนไม่พร้อม ไม่สนใจ ผมก็ต้องยอมรับเพราะเป็นสิทธิ์ของเขา หน้าที่ผมคือหาลูกค้าคนใหม่ เพราะผมชอบที่จะอธิบาย ให้รายละเอียด ให้คำแนะนำลูกค้า”
“ผมบอกตัวเองว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด บริการลูกค้าด้วยความจริงใจ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับมากกว่ารายได้ เช่น เวลาลูกค้าเคลมได้ เวลาลูกค้ามาขอบคุณที่ผมแนะนำให้ทำประกัน ผมรู้สึกดีมากๆ ที่ได้ช่วยเหลือ เป็นความรู้สึกทางด้านจิตใจ ผมเริ่มอินกับอาชีพ เริ่มสนุกที่จะนัดลูกค้า”
เมื่อบริษัทเปิดตัวคุณวุฒิ AXA Prime อรรถพล สามารถติดคุณวุฒิ AXA Prime-Agent ได้ทันที ปัจจุบันดูแลให้บริการลูกค้าประมาณ 270 ราย มีทั้งพนักงานออฟฟิศ และนักธุรกิจต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าบอกต่อ เพราะประทับใจในการขายและการให้บริการ นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ที่กลายเป็นคอนเน็คชั่นนำไปสู่การขายต่อเนื่องจากการบอกต่อเช่นกัน
อรรถพล บอกว่าการติดคุณวุฒิ AXA Prime-Agent ได้รับการสนับสนุนเรื่องระบบการติดต่อประสานงานกับบริษัทฯ มากกว่าตัวแทนปกติ เช่น บริษัทฯ จะส่งรายชื่อฐานลูกค้าไปให้ดูแลต่อ ได้สิทธิ์ในการใช้บริการ Fast Track ในการพิจารณารับประกันภัยแบบเร่งด่วน บริการสอบถามข้อมูลพิเศษผ่าน Call Center 1159 โดยไม่ต้องรอคิวนาน ช่วยให้สะดวกในการทำงานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“การติดคุณวุฒิ AXA Prime-Agent ดีต่อทั้งตัวแทนและลูกค้า ดีต่อตัวแทน เช่น บริษัทฯ จะสนับสนุนบริการหลังการขายให้ตัวแทนสามารถบริการลูกค้าได้ง่ายขึ้น เวลาเสนอขายลูกค้าจะมั่นใจตัวแทนมากขึ้น และส่งผลดีต่อลูกค้า เช่น เวลาส่งใบคำขอ จะเป็น Fast Track อนุมัติได้ง่ายและรวดเร็ว ลูกค้าจะได้รับการพิจารณารับประกันเร็วขึ้น”
สำหรับเป้าหมายในปีนี้ คือการพิชิตคุณวุฒิ MDRT ในระดับ COT (Court of the Table) ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า MDRT และภายใน 3 ปี จะเติบโตเป็น AXA Prime-GA มีสำนักงานเป็นของตัวเอง พร้อมกันนี้ อรรถพลได้ฝากแนวคิดถึงคนในอาชีพและที่กำลังจะเข้ามาในอาชีพตัวแทนประกันชีวิตว่า เป็นอาชีพที่มีเสน่ห์ นอกเหนือจากรายได้แล้วยังเป็นความรู้สึกด้านจิตใจ ซึ่งบางครั้งยิ่งใหญ่และมากกว่าผลตอบแทนที่ได้รับจากบริษัทฯ เป็นความรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือ ได้ให้คำแนะนำในการวางแผนทางการเงินด้วยความจริงใจ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ลูกค้าไม่ต้องลำบากดึงเงินเก็บส่วนที่ตั้งใจจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นออกมาใช้ ประกันชีวิตจะช่วยลดภาระตามความคุ้มครองในสัญญาที่ตกลงกันไว้ เป็นอาชีพที่ได้รับความรู้สึกดีๆ ที่ได้ให้และได้รับจากลูกค้าในเวลาเดียวกัน
AXA Prime – Leader
เปลี่ยนฝันใหญ่ให้ยิ่งใหญ่กว่า
คุณณัฐเสฐ สงคราม อดีตนักดนตรีอาชีพ รายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท เริ่มมองหาอาชีพอื่นที่มั่นคงและผลตอบแทนสูง เพราะเห็นตัวอย่างจากรุ่นพี่นักดนตรีหลายคน ที่บั้นปลายชีวิตไม่ค่อยมั่นคง อาชีพนักดนตรีทุ่มเท 100% แต่ผลตอบแทนแค่ 40-50 % จึงเริ่มต้นเข้าสู่อาชีพตัวแทนโดยเป็นตัวแทนกึ่งพาร์ทไทม์ที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ด้วยความที่รู้จักคนเยอะและฐานลูกค้าค่อนข้างมีเงินจึงขายได้เรื่อยๆ ก่อนตัดสินใจหักดิบหยุดอาชีพนักดนตรี แล้วเดินทางจากอุดรฯ มากรุงเทพฯ คนเดียว เพื่อเป็นตัวแทนประกันชีวิตฟูลไทม์ที่ บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในช่วงปลายปี 2554 เพราะมั่นใจว่าอาชีพตัวแทนประกันชีวิตตอบโจทย์มากที่สุด
ด้วยความเป็นศิลปิน มีอีโก้และเชื่อมั่นตัวเองสูง การทำงานช่วงแรกจึงค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการปรับตัวให้ ถึงขั้นต่อต้าน และตัดสินใจเก็บกระเป๋าจะกลับบ้าน ไม่ไปต่อ แต่โชคดีที่ได้โทรไประบายปัญหากับเพื่อน ซึ่งเพื่อนรับฟังตั้งแต่ต้น ก่อนเตือนสติกลับมาว่า ยังไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่บริษัทฯ สอน แล้วจะบอกว่าไม่โอเคทั้งๆ ที่ยังไม่ลองทำได้อย่างไร จึงลองเปลี่ยน Mind Set มาทำงานตามระบบอย่างจริงจัง
“ ตอนแรกผมยังมีอีโก้ เชื่อมั่นตัวเองสูง ไม่ชอบให้ใครบอกให้ทำอะไร อาชีพขายประกันไม่ตรงจริตผมเลย จึงต่อต้านถึงขั้นเก็บกระเป๋ากลับบ้าน แต่ได้เพื่อนช่วยเตือนสติ บอกว่าผมยังไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่บริษัทฯ สอนเลย แล้วจะไม่โอเคได้อย่างไร ให้ตั้งใจทำก่อนถ้าไม่โอเคค่อยถอย ถอยตอนนี้มันไม่แฟร์ ผมจึงได้สติ ลองเปลี่ยน Mind Set เริ่มทำตามระบบที่บริษัทสอน ซึ่งมันเห็นผลจริงๆ รางวัลต่างๆ ที่ผมได้ทั้ง Top 5 Top 3 ในสายงาน มาจากการทำงานตามระบบแบบจริงจังทั้งสิ้น ผลลัพธ์จากการทำงานตามระบบชัดเจนมากๆ อีกทั้งระบบ Sale Support ของบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับฝ่ายขายและให้การสนับสนุนเต็มที่ จนผมรู้สึกว่าจากที่ตั้งใจจะทุ่มเทให้กับงาน 100% ต้องเพิ่มเป็น 200-300% ตอบแทนที่บริษัทฯ เต็มที่กับเรา”
ณัฐเสฐ กล่าวถึงคุณวุฒิ AXA Prime มีความแตกต่างจากโครงสร้างตัวแทนปกติ ในเรื่องสิทธิพิเศษในการสนับสนุนการทำงานหลายอย่าง โดยเฉพาะการเข้าถึงรายชื่อลูกค้า ซึ่งหมายถึงรายได้และคุณวุฒิที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้นในฐานะ AXA Prime-Leader ณัฐเสธจึงตั้งเป็นเกณฑ์เพื่อสร้างมาตรฐานให้ตัวเองทีมงาน โดยกำหนดว่าต่อวัน/สัปดาห์/เดือน ต้องทำงานอย่างไร ติดคุณวุฒิแล้วต้องรักษาอัตราความยั่งยืนอย่างไร ซึ่งจากมาตรฐานการทำงานทำให้ณัฐเสฐ และทีมงานได้รับความไว้วางใจไว้วางใจจากสายงานอื่นๆ ในการให้วิชาการ ทำให้มีคนรู้จักมากขึ้น สนุกกับงานมากขึ้น และเป้าหมายในการทำงานใหญ่ขึ้นเป็นระดับ AXA Prime-GA
จากความตั้งใจตอนแรกที่อยากมีรายได้ที่ดี ตอนนี้ปรับระดับมีทีมงานมากขึ้น เป้าหมายจึงใหญ่ขึ้น โดยตั้งใจจะเปิดสำนักงาน ในปี 2565 ซึ่งได้เตรียมการสำนักงานไว้พร้อมแล้ว ขาดแต่ยังต้องสร้างผู้จัดการสายตรงอีก 2 คน ให้ครบ 8 หน่วย ซึ่งณัฐเสธพิถีพิถันให้ความสำคัญกับการคัดสรรคนเข้ามาทำงาน
“ผมให้ความสำคัญกับ Mind Set มาก จะสัมภาษณ์เองทุกคนจากผม เคยสัมภาษณ์ใช้เวลา 2-3 ชม. คุยจนกว่าะแน่ใจว่ามีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน ผมต้องการคนที่เกินร้อย ถ้าคุยแล้วได้ 99.99 ผมก็ไม่รับ ถ้าไม่ใช่ อย่าเสียเวลา ผมต้องการคนที่ต้องการทำงานเพื่อเปลี่ยนชีวิตจริงๆ ไม่ใช่แค่ลองทำ เพราะมันเป็นอาชีพที่ไม่ง่าย ต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ทั้งชีวิต”
ปีนี้ณัฐเสธตั้งเป้าสร้างสายงานหน่วยตรง 10 หน่วย รวมทั้งสายงานอย่างน้อย 100-150 คน จากปัจจุบันที่มีทีมงานสายตรง 20 คน รวมทั้งสายงาน 60 คน สร้างคุณวุฒิ AXA Prime-Agent 5-10 คน AXA Prime-Leader 2 คน ซึ่งการสร้างตัวแทนให้ได้คุณวุฒินี้เป็นเรื่องท้าทาย เป็นโอกาสพิสูจน์ความสามารถทั้งของตนเองและทีมงาน และเป็นแรงบันดาลใจในการยกมาตรฐานของทีมงานทั้งสายงาน
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 มีผลต่อการปรับตัวของทีมงานในช่วงแรกๆ แต่แทบจะไม่มีผลกระทบต่อผลงาน ยังคงอยู่ในระดับท็อป สายงานของณัฐเสฐเป็นสายงานเดียวที่เกิดโควิด19 ระลอกแรกแล้วยังคงทำงานหน้างาน เพื่อให้เข้าใจปัญหาและหาวิธีปรับเปลี่ยน พอปรับตัวได้เกิดระลอก 2-3 ทีมงานจึงปรับตัวได้และยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฐานลูกค้าส่วนใหญ่ 90% เป็นข้าราชการ จึงไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องกำลังซื้อ
“อาชีพนี้คือการสร้าง Mind Set การเป็นผู้ให้ คิดดี ทำดีต่อผู้อื่น เป็นอาชีพที่เปลี่ยนทุกอย่างในชีวิต ทั้งของผมและทีมงาน จากที่ผมเคยคิดลบ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ ทีมงานประสบความสำเร็จ วันนี้ผมโฟกัสที่รายได้ของทีมงานมากกว่าของตัวเอง โฟกัสที่การสร้างมาตรฐานทีมงานที่ผมอยากให้เป็นมากกว่ามาตรฐานที่เป็นอยู่”
“ทุกอาชีพไม่มีอะไรยาก ถ้าอยากจะทำให้สำเร็จ ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของคุณยิ่งใหญ่พอที่จะยอมแลกด้วยอิสรภาพบางอย่าง(เวลา)ก่อนหรือไม่ เพื่ออิสรภาพทางการเงินในอนาคต ถ้าคนอื่นทำได้ คุณก็ต้องทำได้” ณัฐเสฐกล่าวสรุป
AXA Prime – GA
เอกสิทธิ์เหนือความท้าทาย
ธัญยพรรณ มากช่วย อดีตพนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีความฝันว่าจะกลับไปเป็น ผจก.ร้าน สาขาที่บ้านนครศรีธรรมราช แต่ชีวิตเปลี่ยนเส้นทางเมื่อได้พบกับพนักงานบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งที่ออกบูทในห้าง แล้วแวะมาทานที่เคเอฟซี เห็นว่าธัญพรรณมีทักษะในการเจรจา ยิ้มแย้มแจ่มใส และทำงานในร้านได้ทุกอย่าง จึงได้พูดคุยชักชวนไปทำงาน ธัญพรรณตัดสินใจเริ่มอาชีพตัวแทนประกันชีวิตในปี 2545 เพราะเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตดีกว่าเป็นผู้จัดการร้านเคเอฟซี จากนั้นในปี 2549 ได้เข้ามาร่วมงานกับ บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในตำแหน่งผู้จัดการ
“ตัดสินใจมาเป็นตัวแทน โดยที่ยังไม่รู้ว่าประกันชีวิตคืออะไร จนทำงานได้ประมาณ 8-9 เดือน จึงเริ่มเข้าใจว่าตัวแทนประกันชีวิตเป็นอาชีพที่ครอบคลุมอีกหลายๆ อาชีพ เช่น เป็นหมอเวลาแนะนำลูกค้าซื้อประกันสุขภาพ เป็นทนายเวลาประสานงานกับบริษัทฯ ในการเคลมให้ลูกค้า เป็นต้น แหม่มเริ่มรู้สึกรักในอาชีพ และเมื่อตัดสินใจมาทำงานที่ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีเป้าหมายในชีวิตชัดเจนขึ้น ด้วยโครงสร้างของบริษัทฯ ที่เอื้อต่อการเติบโตในอาชีพตัวแทนประกันชีวิตจริงๆ ได้เรียนรู้วิชาการ และเติบโตอย่างมีระบบ เป็นสเต็ป จากผู้จัดการ ขยับขึ้นเป็นผู้จัดการอาวุโส ผู้จัดการจัดการภาค ผู้จัดการภาคอาวุโส ค่อยๆสร้าง วางรากฐาน มีผลงานที่เติบโตอย่างชัดเจน มีทีมงานที่มั่นคง จากสำนักงานที่มีทีมงานแค่ 3-5 หน่วย เพิ่มเป็น 10 กว่าหน่วย ผู้อำนวยการภาคจากที่มี 1 คน ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญมีลูกค้าที่ยังต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง จึงไม่มีความคิดที่จะย้ายค่ายอีกเลย”
ธัญพรรณ กล่าวว่าเมื่อต้นปี 2563 บริษัท เปิดตัวคุณวุฒิใหม่ “AXA Prime” ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่กระตุ้นให้ตัวแทนพัฒนาศักยภาพก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพ ยิ่งเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในอาชีพ ที่จะต้องแข่งกับตัวเอง เป็นแรงบันดาลใจในการก้าวไปสู่เป้าหมายการผู้บริหารมืออาชีพที่มีคุณภาพ
“คุณวุฒิ “AXA Prime” ถือเป็นจุดเปลี่ยนในการทำงาน ทำให้แหม่มมีเป้าหมายในการทำงาน ว่าต้องพัฒนาจุดใด ถึงจะได้เป็น AXA Prime และปีนี้ได้เป็น ระดับ Gold ซึ่งต้องมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมในทุกด้าน เช่น การเป็นสมาชิก MDRT ต้องมี IC License, Life Protection Specialist และ Health Protection Specialist และต้องคงอัตราความยั่งยืนกรมธรรม์ให้ได้กว่า 90% ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายมาก และภูมิใจมากที่สามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้”
“ภูมิใจมากที่ก้าวมาถึงจุดที่เป็น AXA Prime – GA ปัจจุบัน กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มีสำนักงานอยู่จำนวนมาก แต่มีไม่กี่สำนักงานที่ได้เป็น AXA Prime เพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก ไม่ใช่แค่เพียงการสร้างและผลักดันเฉพาะสายตรง แต่ต้องดูแลทั้งมวลรวมให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของ GA ที่บริษัทฯ กำหนดไว้ โดยต้องมีทีมงานภายใต้สำนักงานฯ ที่ติดคุณวุฒิ AXA Prime Agent เท่าไหร่ AXA Prime Leader เท่าไหร่ เป็นสมาชิก MDRT กี่คน ซึ่งแหม่มพยายามสร้างจำนวน AXA Prime – Agent ให้มากขึ้น โดยนำข้อมูลข่าวสาร ทั้งกิจกรรม และสิทธิ์ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับกระตุ้นให้ตัวแทนที่ยังไม่ได้คุณวุฒิแอคทีฟมากขึ้น”
นอกจากนี้ AXA Prime ยังเป็นตัวช่วยให้ดูแลลูกค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยสิทธิพิเศษมากมายที่เอื้อต่อการบริการลูกค้า เช่น บริการ Fast Track การพิจารณารับประกันภัยแบบเร่งด่วน อนุมัติไว ลูกค้าไม่ต้องรอนาน หรือเวลาโทรเข้า Call center 1159 ก็โทรได้เลยไม่ต้องรอคิว ได้รับสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการ KTAXA Lounge รวมไปนามบัตรที่มี Logo AXA Prime ทำให้การทำงานดูเป็นมืออาชีพ ลูกค้ามั่นใจมากขึ้น และสิทธิ์พิเศษสำหรับ AXA Prime – GA ที่ได้รับนอกเหนือจากสิทธิพิเศษที่กล่าวมาแล้วก็คือ ป้ายสำนักงานที่มีรูปเจ้าของสำนักงานอยู่ด้วย
ธัญพรรณ กล่าวว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด19 ส่งผลกระทบทำให้ผลงานลดลง เนื่องจากลักษณะการทำงานเติบโตกับตลาดออกบูทมาโดยตลอด ซึ่งได้มีการพูดคุยและปรับวิธีการทำงานกับทีมงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่โควิดระรอกแรก โดยทางสำนักงาน (GA) ได้สนับสนุนทีมงานด้วยแคมเปญต่างๆ อย่างเต็มที่ ล่าสุดมีการจัดชุดของพรีเมี่ยม (กระเป๋าใส่เจล แมส) ให้ทีมงานส่งไปรษณีย์พร้อมแบบประกันให้ลูกค้า เพื่อเป็นโอกาสในการติดต่อพูดคุยทางไลน์ต่อไป ซึ่งทีมงานเริ่มปรับตัวเข้าสู่ตลาดออนไลน์และประกันสุขภาพ เห็นได้ชัดจากการขายผ่านเพจและช่องทางออนไลน์อื่นๆ มากขึ้น
“วันนี้ทีมงานทุกคนทำงานด้วยความรู้สึกว่าสำนักงานคือบ้าน ดังนั้นแหม่มในฐานะเจ้าของบ้านจึงพร้อมสนับสนุนเต็มกำลัง จะไม่มีวันทิ้งบ้านหลังนี้ไปแน่นอน”
นอกจากนี้โควิด19 ยังส่งผลกระทบต่อการสร้างทีมงานที่ยากขึ้น เนื่องจากติดขัดขั้นตอนการอบรม-ส่งสอบ แต่ก็เตรียมพร้อมไว้ตลอด ด้วยการรีครูทอย่างต่อเนื่อง และพร้อมส่งสอบทันทีที่เปิดสอบ ซึ่งมั่นใจว่าถ้าโควิด19 เบาบางลง ทั้งยอดขายและจำนวนตัวแทนจะมากกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันทีมงานไม่ได้อยู่แค่นนทบุรี แต่ขยับขยายไปต่างจังหวัดกันแล้ว
อย่างไรก็ตาม โควิด19 ทำให้ลูกค้าเห็นคุณค่าของการทำประกันชีวิตอย่างแท้จริง จากเดิมที่เน้นประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ต้องการผลตอบแทนสูง เปลี่ยนเป็นแบบประกันที่ผลตอบแทนน้อยแต่ความคุ้มครองสูงขึ้น หรือจากเดิมที่ขายประกันสุขภาพน้อยมาก ปัจจุบันลูกค้าต้องการแบบประกันสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“พูดได้เลยว่าโควิด19 ทำให้ประชาชนเห็นคุณค่าของประกันชีวิตจริงๆ วันนี้เราได้ขายประกันชีวิตที่เป็นประกันชีวิตจริงๆ จากที่เคยขายเคสเบี้ยประกันหลักแสน วันนี้กลายเป็นหลักหมื่น จากที่เคยเน้นประกันแบบสะสมทรัพย์ระยะสั้น ผลตอบแทนสูง กลายเป็นระยะยาวพร้อมความคุ้มครองที่สูงขึ้น ซึ่งแบบประกันที่ขายดีคือ 25 ปี และ 18 ปี และประกันสุขภาพที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามตลาดยังมีโอกาสเสมอ เพราะโควิดทำให้ลูกค้าเห็นความสำคัญของการประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น ตอนนี้จึงเตรียมพร้อมเรื่อง IC License เมื่อโควิด19เบาลง เชื่อว่าทุกอย่างก็พร้อมจะดีขึ้น”
ธัญพรรณ ฝากข้อคิดถึงคนในอาชีพตัวแทนประกันชีวิตว่า อยากให้ทุกคนมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า อย่าท้อกับอุปสรรค ท้อได้แต่อย่าถอย เพราะไม่มีอาชีพไหนสุดยอดไปกว่าอาชีพนี้อีกแล้ว