ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยกลยุทธ์กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจ SME ปี 2565 เดินหน้าสู่การเป็นธนาคารหลักสำหรับลูกค้าธุรกิจ SME การดำเนินธุรกิจของลูกค้าในทุกการก้าวผ่านสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้า SME ผ่าน 3R ได้แก่ Resilient, Respond และ Rebuild for the Future โดยเน้นพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม อีกทั้งเดินหน้าเชื่อมต่ออาเซียนสร้างโอกาสธุรกิจเพื่อลูกค้า พร้อมเป็นพันธมิตรที่ลูกค้า SME ไว้วางใจ
นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจลูกค้า SME ปี 2564 ว่า ยอดสินเชื่อในธุรกิจ SME เติบโตกว่า 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ยอดสินเชื่อกว่า 280,000 ล้านบาท พร้อมทั้งมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจ SME ขนาดกลางและขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ผ่านมาตรการเชิงรุกต่างๆอย่างต่อเนื่อง โดยช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วกว่า 37,000 ราย เป็นยอดสินเชื่อรวมกว่า 180,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสนับสนุน เสริมช่องทางโอกาสธุรกิจและข้อมูลความรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจให้กับลูกค้าอยู่เสมอ
สำหรับปี 2565 ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้า SME ผ่าน 3R ได้แก่ Resilient, Respond และ Rebuild for the Future
Resilient: มุ่งช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัว โดยแบ่งการดูแลลูกค้าออกตามกลุ่มที่ได้รับผลกระทบต่างๆ ซึ่งในกลุ่มที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จะมีผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ของธนาคาร (Relationship Manager) ดูแลอย่างใกล้ชิด และมีมาตรการต่าง ๆ ในการช่วยสนับสนุนฟื้นฟูธุรกิจสำหรับกลุ่มที่พร้อมจะเติบโต กรุงศรีก็พร้อมสนับสนุนสินเชื่อหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีการจัดการดูแลลูกค้าตามกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละธุรกิจอีกด้วย
Respond: มุ่งตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ของธนาคารจะเป็นที่ปรึกษา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งด้านการเงิน แนะนำโซลูชั่นที่เหมาะสมให้กับลูกค้า และเพิ่มมูลค่าด้วยการแบ่งปันข้อมูล ความรู้ ทักษะใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
Rebuild for the Future: มุ่งช่วยให้ธุรกิจลูกค้าเติบโตในอนาคต โดยแบ่งเป็น 3 แนวทางหลักที่สอดคล้องไปกับทิศทางของกรุงศรีในการดูแลลูกค้าของธนาคาร ได้แก่ ASEAN Connectivity หรือการเชื่อมโยงอาเซียน โดยประสานความร่วมมือกับ MUFG และเครือข่ายมาเสริมความแข็งแกร่งในการช่วยขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ทั้งการขยายบริการธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ และสร้างโอกาสทางธุรกิจผ่านกิจกรรมต่างๆ ทั้งงานสัมมนา หรือการจับคู่ธุรกิจ, Trusted Partner หรือการเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจ พัฒนา Ecosystem ให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกค้าอย่างครบวงจร พร้อมพัฒนานวัตกรรมทางการเงินด้าน ESG อาทิ สินเชื่อโซลาร์รูฟสำหรับผู้ประกอบการ และ Digital & Innovation หรือการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลและนวัตกรรม
สำหรับ Digital & Innovation ถือเป็นไฮไลท์ของกลุ่มธุรกิจ SME ในปีนี้ โดยมี 4 ผลิตภัณฑ์และบริการหลักที่กรุงศรีมุ่งเน้น คือ
1) Krungsri Digital Supply Chain Solution โซลูชั่นเพื่อช่วยสนับสนุนธุรกิจในกลุ่ม Supply Chain และช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ
2) Krungsri Biz Online หรือที่รู้จักกันในชื่อ KBOL ดิจิทัลแบงก์กิ้งเพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์ของธุรกิจ โดยในปีนี้จะพัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้กับลูกค้าธุรกิจ
3) “Krungsri iPro” นวัตกรรมทางการเงินเพื่อการเปิดบัญชีนิติบุคคลในยุคดิจิทัล ให้ลูกค้า SME ก้าวข้ามความยุ่งยากแบบเดิมๆ ด้วยเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกลูกค้า ลดขั้นตอนด้านเอกสาร สามารถนัดหมายวันเวลาเพื่อเปิดบัญชีได้ที่ออฟฟิศของลูกค้า พร้อมเปิดใช้งานบัญชีได้ทันที
4) “Krungsri Business Link” แพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สะดวกและน่าเชื่อถือด้วยการคัดกรองคู่ค้าจากกรุงศรีและพันธมิตร
“ ในปี 2565 นี้เราตั้งเป้าสินเชื่อของ SME อยู่ที่ 2.5% ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ และยังคงเป็นปีแห่งความท้าทาย ธุรกิจต้องปรับตัวรับสถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆ และมีความ Resilience พร้อมลุกขึ้นเพื่อก้าวผ่านในทุกวิกฤต โดยเฉพาะยุคดิจิทัลธนาคารพร้อมสนับสนุนธุรกิจของลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์ บริการ ความรู้ และโอกาสธุรกิจ โดยนำดิจิทัลและเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อให้ลูกค้า SME สามารถก้าวผ่านและเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นางสาวดวงกมลกล่าวสรุป
