เคทีซีเปิดเวทีเสวนา “ทิศทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมทะยานเวทีโลก”

0
129

เคทีซี เปิดเวทีเสวนา “ทิศทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมทะยานเวทีโลก” ระดมความเห็นผู้นำวงการ กำหนดอนาคต ฉายภาพการท่องเที่ยวแบบครบวงจร สายการบิน โรงแรม บริษัททัวร์ประสานเสียง ท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นเกือบเท่าก่อนเกิดโควิด-19 แนะภาครัฐปลดล็อคการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ฟากเคทีซีพร้อมสนับสนุน มั่นใจยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯโตตามเป้า

นายโชติช่วง ศูรางกูร อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) เปิดเผยว่า สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) รายงานจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศทั่วโลก (International Flight) ปีนี้ขยายตัว 70% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคาดว่าจะเติบโตเท่ากับก่อนช่วงโควิด-19 ในปี 2567  โดยปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางต่างประเทศประมาณ 7.5 ล้านคน

ดังนั้นการคลายข้อจำกัดด้านการเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน ที่จะเก็บจากนักท่องเที่ยวขาเข้าและการเก็บภาษีจากนักท่องเที่ยวขาออกจากประเทศ การจัดเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อน (VAT on Outbound)  ขณะที่นักท่องเที่ยวมีทางเลือกในการจองสถานที่ท่องเที่ยวได้ด้วยตัวเอง เพราะปัจจุบันแพลตฟอร์มสำหรับการท่องเที่ยวมีเพิ่มมากขึ้น จะช่วยส่งเสริมให้ตลาดท่องเที่ยวใหญ่ขึ้น ขณะที่ผลต่อ Online Travel Agency (OTA) และบริษัททัวร์มองว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย

นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้และอุปนายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า ตัวเลขจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 – วันที่ 25 มิถุนายน 2566 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 12,464,812 คน เพิ่มขึ้น 539% โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย  

อย่างไรก็ตามธุรกิจโรงแรมยังอยู่ในภาวะกำลังฟื้นตัว และเผชิญความท้าทายหลายปัจจัย โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อาจเป็นตัวแปรในการปรับขึ้นราคาห้องพัก  อีกทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยน และสถานการณ์การเมืองในประเทศ ส่งผลให้โรงแรมขนาดใหญ่อาจปรับราคาลงเพื่อกระตุ้นการเข้าพัก แต่โรงแรมขนาดเล็กไม่สามารถแข่งขันบบนั้นได้

นายกรกฎ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการบินพาณิชย์ (CCO) บริษัท การบินไทยจํากัด (มหาชน) กล่าวว่า การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน ยังต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตแบบชะลอตัว เศรษฐกิจไทยที่ยังมีความเสี่ยงร ต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น สายการบินเพิ่มเที่ยวบินและเปิดเส้นทางใหม่มากขึ้น สถานะการเงินของสายการบินยังคงเปราะบางแม้จะเริ่มมีรายได้ที่ฟื้นตัว

ดังนั้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมสายการบินให้เติบโต ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐบาล สายการบิน และผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรม รัฐบาลไทยต้องวางตำแหน่งอุตสาหกรรมการบินให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีส่วนสนับสนุนการเติบโตและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศ

นางสาวเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการส่วนกิจกรรมการตลาดด้านการท่องเที่ยว บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ปี 2566 คาดว่าการเดินทางท่องเที่ยวโดยเครื่องบินในภูมิภาคเอเชียจะกลับมาขยายตัว  70 – 80 % เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19  อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมการบินของไทยยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐใน 3 เรื่อง สำคัญคือ

1. ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการบินแข็งแกร่งเพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศผ่านการเดินทางและขนส่งสินค้าทางอากาศ

2. ลดผลกระทบต้นทุนโดยภาครัฐควรกำหนดอัตราที่เหมาะสมของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพราะมีผลต่อการตั้งราคาบัตรโดยสาร ซึ่งปัจจุบันอัตราภาษีอยู่ที่ 4.5% รวมทั้งลดค่าธรรมเนียมวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

3. แก้ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรด้านบุคลากรการบิน ที่ได้รับผลกระทบจากการลดขนาดองค์กรช่วงโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการบิน ไม่สามารถกลับมาให้บริการได้เต็มความสามารถ เมื่อเทียบกับอุปสงค์ของการท่องเที่ยว

นายนิติกร คมกฤส ผู้จัดการส่วนพัฒนาธุรกิจ สายการบินไทยเวียตเจ็ท​ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญในอุตสาหกรรมการบินคือ เรื่องทรัพยากรบุคคลตามสนามบินต่างๆไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติการ แต่เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศพยายามสนับสนุนให้กลับมาดำเนินการได้ ขณะที่สายการบินไทยเวียตเจ็ท มองเห็นโอกาสจากเส้นทางระหว่างประเทศรอง อาทิ ประเทศอินเดีย ซึ่งมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสูงและนักเดินทางมีศักยภาพ และกลุ่มนักเดินทางช่วงนี้จะเป็น กลุ่มนักเดินทางอายุน้อย ในขณะที่จำนวนนักเดินทางเพื่อธุรกิจปรับลดลง

 นางสาวพัทธ์ธีรา อนันต์โชติพัชรKTC World Travel Service และการตลาดท่องเที่ยวหมวดสายการบิน “เคทีซี”  หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมการใช้จ่ายในหมวดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวผ่านบัตรเครดิตเคทีซีว่า ปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของการท่องเที่ยวโดยครึ่งปีแรกขยายตัวเพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตขึ้น 25% จากช่วงปี2562  โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯในหมวดท่องเที่ยวอยู่ที่17,000  บาทแยกตามหมวด ได้แก่ สายการบิน เอเย่นต์ท่องเที่ยว (ทั้งออนไลน์และออฟไลน์) โรงแรม รถเช่า-รถไฟ-การเดินทางขนส่ง และแหล่งท่องเที่ยว/กิจกรรมสันทนาการ โดยเรียงลำดับประเทศยอดนิยมดังนี้ ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส ฮ่องกง และเวียดนาม

ทั้งนี้ KTC World Travel Service เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดภายใต้ 3 S ประกอบด้วย
1. Service:  การให้บริการด้านการเดินทาง ท่องเที่ยว เน้นความสะดวกสบาย น่าเชื่อถือ โดยสร้างการรับรู้ผ่าน #บินเที่ยวครบจบที่ KTCWorldTravelService

2. Segmentation: การบริหารกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่างด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมถึงการขยายช่องทางการสื่อสารในหลายรูปแบบ เพื่อให้เข้าถึงสมาชิกบัตรเครดิตและตอบโจทย์การเดินทางท่องเที่ยวได้มากที่สุด

3. Synergy: การทำงานร่วมกับพันธมิตรหลักครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ สายการบิน เอเย่นต์ทัวร์ โรงแรม รถเช่า สมาคมท่องเที่ยว เพื่อสร้างความแตกต่างผ่านกิจกรรมการตลาดหลากหลายรูปแบบ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าในการเดินทางท่องเที่ยวให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี