บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทริกเกอร์ KTFT6 เป้า 5% ใน 6 เดือน ลุยตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง

0
181

บลจ.กสิกรไทย เผยมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย จัดตั้งกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิ้ล ทริกเกอร์ 6 (KTFT6) เป้าหมายทริกเกอร์ 5% ภายใน 6 เดือน เน้นหุ้นไทยพื้นฐานดี เติบโตเด่น ปรับสัดส่วนได้ 0-100% ของ NAV คาดว่าดัชนีหุ้นไทยปลายปีจะอยู่ที่ระดับ 1650 จุด เปิดเสนอขายครั้งเดียว 18 – 24 สิงหาคมนี้ เริ่มต้นที่ 500 บาท

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต CFA, Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิ้ล ทริกเกอร์ 6 (KTFT6) รับจังหวะหุ้นไทยฟื้นตัวจากการกลับมาของภาคการท่องเที่ยว การส่งออกที่คาดว่าจะเร่งตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ความเชื่อมั่นและการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ หลังจากที่รัฐบาลที่คาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ในที่สุด  โดยเสนอขายครั้งเดียวในระหว่างวันที่ 18 – 24 สิงหาคม 2566 เริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน

ทั้งนี้กองทุน KTFT6 มีเป้าหมายทริกเกอร์ 5% ภายในระยะเวลา 6 เดือน ผ่านนโยบายการลงทุนในหุ้นไทยที่เติบโตโดดเด่น และได้รับประโยชน์จากหลายด้าน เช่น มาตรการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของรัฐบาล (Government Measures) การบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง (Domestic Consumption) เงินเฟ้อที่ชะลอตัวและต้นทุนการผลิตที่เริ่มลดลง (Commodity-Related) เป็นต้น

โดยปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0-100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (Net Asset Value : NAV) ส่วนที่เหลือกระจายการลงทุนในหุ้นกู้ ตราสารหนี้ และเงินฝาก เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ อีกทั้งกองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงิน (Hedging)

“กองทุน KTFT6 เน้นลงทุนหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีราคาตามมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสม ภายใต้กลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก (Active Management Strategy) โดยพิจารณาระดับราคาหุ้นที่จะเข้าลงทุนเพื่อมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ (SET TRI) กองทุนนี้จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นไทยที่มีศักยภาพและเติบโตสูง”

สำหรับเงื่อนไขการทริกเกอร์แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ

กรณีที่ 1) เมื่อกองทุนสามารถไปถึงเป้าหมายทริกเกอร์ 5% ภายใน 6 เดือน นั่นคือ หน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท ณ วันทำการ กองทุนจะชำระเงินคืนผ่านการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ

กรณีที่ 2) เมื่อกองทุนไม่สามารถไปถึงเป้าหมายทริกเกอร์ 5% ภายใน 6 เดือน นั่นคือ หน่วยลงทุนมีมูลค่าน้อยกว่า 10.50 บาท บลจ.กสิกรไทยจะเปิดให้ผู้ลงทุนสามารถทำการขายคืนได้ทุกวันทำการที่ราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุน หรือ หากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาท ณ ภายหลัง 6 เดือน บลจ.กสิกรไทยจะดำเนินการปิดกองทุนตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไข

อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย มีมาตรการป้องกันการขาดทุน โดยจะขอสงวนสิทธิปิดกองทุน ในกรณีที่กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิน้อยกว่า 500 ล้านบาท

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

• การกำหนดเป้าหมาย 10.50 บาทต่อหน่วย เป็นเพียงมูลค่าหน่วยลงทุนที่กำหนดเป็นเงื่อนไขในการเลิกกองทุนเท่านั้น ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน

• มูลค่าหน่วยลงทุนที่จะได้รับจากการเลิกกองทุน อาจมีมูลค่าตํ่ากว่าหรือมากกว่า 10.50 บาท

• ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วง 6 เดือนแรกได้ ดังนั้น หากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก

• หากหน่วยลงทุนมีมูลค่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ลงทุนสามารถทำการขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการที่ราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งอาจต่ำกว่าหรือสูงกว่า 10.00 บาท

ทั้งนี้ เป้าหมายที่เป็นเหตุให้เลิกโครงการยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ซึ่งเป้าหมายเลิกโครงการเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง