กรุงศรี ขยายพอร์ตสินเชื่อรายย่อยอินโดนีเซีย

0
38

กรุงศรี ตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อและฐานลูกค้ารายย่อยในอินโดนีเซีย ผ่านเครือข่าย PT. Home Credit Indonesia ธุรกิจต่างประเทศรายล่าสุดในพอร์ตกรุงศรี ผู้เล่นรายสำคัญในธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในอินโดนีเซีย เดินหน้าขยายการให้บริการทางการเงินผ่านจุดแข็งผู้นำตลาดสินเชื่อ ณ จุดขาย หรือ POS Loan ครอบคลุมทั่วประเทศ และพันธมิตรร้านค้าปลีกและแบรนด์สินค้าอีกกว่า 11,400

นายวันชัยระบิน จิตวัฒนาธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า Home Credit Indonesia ดำเนินธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในอินโดนีเซียมาตั้งแต่ปี 2556 ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 บริษัทมียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 3,015 พันล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย มูลค่า 7.2 พันล้านบาท มียอดสินเชื่อใหม่เติบโต 12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน  

Home Credit Indonesia เป็นผู้นำตลาดสินเชื่อ ณ จุดขาย หรือ POS Loan ด้วยเครือข่ายการให้บริการกระจายอยู่ทั่วประเทศอินโดนีเซียกว่า 21,000 จุด มีเครือข่ายพันธมิตรร้านค้าปลีกและแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่ได้รับความนิยมกว่า 11,400 ราย เป็นจุดแข็งที่สามารถต่อยอดการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อขยายฐานลูกค้า และสร้างการเติบโตให้กับพอร์ตสินเชื่อ

ปัจจุบัน Home Credit Indonesia มีฐานลูกค้ากว่า 6.1 ล้านราย เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้จักและจดจำได้ด้วยอัตราการรับรู้ในแบรนด์สูงถึง 95% (ผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคในประเทศอินโดนีเซียปี 2566) นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ได้แก่ สินเชื่อ ณ จุดขาย (POS Loan) สินเชื่อเงินสด (Cash Loan) บัตรเครดิต (Credit Card) เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) และผลิตภัณฑ์ประกัน ฯลฯ โดยมีส่วนแบ่งพอร์ตสินเชื่อ ณ จุดขาย สูงถึง 55% ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น

“เราเห็นโอกาสในการต่อยอดความแข็งแกร่งของเครือข่าย Home Credit Indonesia โดยอาศัยความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซชั้นนำในอินโดนีเซียอย่าง Tokopedia, Bukalapak และ Blibli ผนวกกับความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสินเชื่อผู้บริโภคของกรุงศรี ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องการตลาด ช่องทางการขาย และการบริหารความเสี่ยงเพื่อช่วยผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของชาวอินโดนีเซียได้ดียิ่งขึ้น” นายวันชัยระบิน กล่าวสรุป