ทีทีบี ชู 4 แผนกลยุทธ์ลูกค้าธุรกิจปี 2567 ยกระดับดิจิทัลโซลูชันเพื่อลูกค้าและSME

0
33

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เดินหน้า 4 แผนกลยุทธ์สำหรับลูกค้าธุรกิจปี 2567  ด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์ในแต่ละอุตสาหกรรม สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว ยกระดับดิจิทัลโชลูชันในทุกธุรกรรม มอบโซลูชันบริหารความเสี่ยงที่ครบครันสำหรับผู้นำเข้าส่งออก พร้อมเป็นพันธมิตรให้เอสเอ็มอีและลูกค้าธุรกิจ เติบโตอย่างยั่งยืน 

นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่าในปี 2567 ทีทีบีเดินหน้า LEAD the CHANGE for Financial Well-being of SME and Corporate Customers สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ซัพพลายเชนของแต่ละอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ  พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเอสเอ็มอีและลูกค้าธุรกิจให้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทุกด้าน ด้วยมองลูกค้าแบบ 360 องศา โดยมี ttb business one ธนาคารดิจิทัลเพื่อโลกธุรกิจ เป็นแพลตฟอร์มหลักในการเชื่อมต่อดิจิทัลโซลูชัน  พร้อมสนับสนุนลูกค้าสู่การเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืน และยกระดับการทำธุรกรรมทางธุรกิจสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วย 4 กลยุทธ์ ดังนี้

กลยุทธ์ที่ 1 ตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรมด้วยโซลูชัน 360 องศา ที่ออกแบบมาเพื่อแต่ละอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ (Industry Solutions) เพื่อให้สอดคล้องตามแนวคิด Ecosystem Play ทั้งสินเชื่อ ธุรกรรมการเงินทั้งในและต่างประเทศ โดยดูแลตั้งแต่ธุรกิจ การเงินส่วนตัวสำหรับเจ้าของกิจการ รวมถึงพนักงานของบริษัท  อย่างเช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ หรือ Automotive Industry ซึ่งมีซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทีทีบีในฐานะผู้นำด้านสินเชื่อรถยนต์ การบริหารรับ-จ่ายเงิน และบัตรเครดิตน้ำมันธุรกิจ ได้พัฒนาโซลูชันที่เกี่ยวกับรถยนต์อย่างครบวงจร ตอบโจทย์ทุกความต้องการในซัพพลายเชน ตั้งแต่ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์ Dealer รถยนต์ จนไปถึงผู้ซื้อและผู้ขายรถยนต์ 

หรืออุตสาหกรรมการศึกษา อย่างโรงเรียนนานาชาติ ที่มีทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง และครูต่างชาติ ทีทีบีได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถรับ-จ่ายเงินเป็นสกุลเงินต่างประเทศที่ทำได้สะดวกผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของธนาคาร

ในอุตสาหกรรมการเกษตร เข้าไปช่วยพัฒนาโซลูชันทั้งโรงงานและชาวไร่ จนเพิ่มประสิทธิภาพทั้งระบบได้อย่างมาก  รวมไปถึงการสนับสนุนลูกค้าเอสเอ็มอีให้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐ  ด้วยสินเชื่อที่เหมาะสม เพียงนำใบแจ้งหนี้และใบตรวจรับงานมาขายลดหนี้รับเงินไปใช้ได้ก่อน 

กลยุทธ์ที่ 2 สนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นธุรกิจที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Green Transition Solutions)  โดยตอกย้ำการเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน ตามแนวคิด B+ESG สนับสนุนลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร ให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน รับมือกับมาตรการทางการค้าที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้  เพื่อผลักดันให้ธุรกิจมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

รวมไปถึงกติกาใหม่ของประเทศไทยอย่าง Thailand Taxonomy และ พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่จะมีผลเร็ว ๆ นี้  ซึ่งองค์กรใหญ่เริ่มกำหนดให้ซัพพลายเออร์และคู่ค้าต้องดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม  เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการทำธุรกิจ หรือมีต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้น 

 นอกจากนี้ยังสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนธุรกิจในลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยโซลูชันที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน หรือ Transition Finance อาทิ สินเชื่อสีเขียว (Green Loan) สินเชื่อสีฟ้า (Blue Loan) สินเชื่อเพื่อติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop Finance) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (HP Program for EV) เป็นต้น รวมถึงการจัดสัมมนาและให้ความรู้เพื่อสร้างความตระหนักแก่ผู้ประกอบการ โดยตั้งเป้าสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนสำหรับลูกค้าธุรกิจถึง 60,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี 

กลยุทธ์ที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจด้วยดิจิทัลโซลูชันในทุกขั้นตอนของธุรกิจ (Digital Solutions) หลังสถานการณ์โควิด-19 การทำธุรกิจผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2562 การเติบโตด้านธุรกรรมดิจิทัลของลูกค้าธุรกิจทีทีบี สูงขึ้นกว่า 20% และปัจจุบันลูกค้าธุรกิจทำธุรกรรมผ่านดิจิทัลแบงก์กิ้ง 95-98%  โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกรรมการเงินภายในประเทศ (Cash Management) ขณะที่กลุ่มสินเชื่อธุรกิจและธุรกรรมระหว่างประเทศยังผ่านดิจิทัลน้อย  บางธุรกรรมยังต้องทำที่สาขาหรือต้องการเอกสาร  ซึ่งทีทีบีได้พัฒนาช่องทางดิจิทัลแบงก์กิ้ง ttb business one ที่ใช้ได้ทั้งอินเทอร์เน็ตและโมบายแบงก์กิ้ง ให้ลูกค้าธุรกิจทำธุรกรรมออนไลน์ได้ง่ายและสะดวกในที่เดียว 

โดยในปีนี้  วางเป้าหมายพัฒนาให้ทุกขั้นตอนของการทำธุรกรรมสามารถทำบนดิจิทัลได้ทั้งหมด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มสินเชื่อธุรกิจและธุรกรรมระหว่างประเทศ เช่น การเปิดบัญชีผ่านช่องทางดิจิทัล ถอนเงินทางออนไลน์  การออกหนังสือค้ำประกันทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-LG) การขอสินเชื่อทางดิจิทัล และการให้บริการเชื่อมต่อระบบของลูกค้ากับธนาคารสำหรับธุรกรรมในประเทศและระหว่างประเทศ (Host to Host Service) เป็นต้น  ซึ่งคาดว่าลูกค้าจะทำธุรกรรมผ่านดิจิทัลเพิ่มขึ้นเป็น 98%  

กลยุทธ์ที่ 4 พัฒนาโซลูชันบริหารความเสี่ยงที่ครบครันสำหรับผู้นำเข้าและส่งออก (Importer-Exporter Solutions)  ผลจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก สภาวะสงครามและการเมืองต่างประเทศ  ทำให้สกุลเงินต่าง ๆ เกิดความผันผวน โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐที่ผันผวนสูงถึง 9%  ซึ่งผู้ส่งออกนำเข้าไทยส่วนใหญ่ยังใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายสินค้า  ธนาคารจึงแนะนำให้เปลี่ยนมาซื้อขายเป็นสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ซึ่งมีความผันผวนน้อยกว่ามาก

โดยทีทีบีเป็นธนาคารแรกและธนาคารเดียว ที่ได้พัฒนาเครื่องมือในการช่วยบริหารสกุลเงินท้องถิ่น ด้วยบัญชีสำหรับบริหารหลายสกุลเงิน (ttb multi-currency account) บัญชีเดียวบริหารได้ถึง 11 สกุลเงิน ใช้ซื้อ ขาย รับ จ่ายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ  และยังเป็นธนาคารแรกที่เสนอเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงสกุลเงินหยวน ผ่านผลิตภัณฑ์ “Yuan Pro-rata Forward” และเดินหน้าพัฒนาบริการและโซลูชันที่มุ่งตอบโจทย์ผู้นำเข้าส่งออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงในการทำการค้าระหว่างประเทศ 

 “จาก 4 กลยุทธ์ที่ธนาคารมีความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าธุรกิจ จะส่งผลให้ในปี 2567 สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายทุกด้าน  โดยมุ่งมั่นเป็นพันธมิตรเอสเอ็มอีและลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ พร้อมสนับสนุนให้ลูกค้าขับเคลื่อนธุรกิจได้ในทุกสถานการณ์ ก้าวผ่านความท้าทายต่าง ๆ จนประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายศรัณย์ กล่าวปิดท้าย