“TTIB” มากกว่า “นายหน้าประกันภัย” คว้ารางวัลนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลดีเด่น ประจำปี 2566 พร้อมบริหารความเสี่ยงภัย-ดูแลลูกค้าให้ครบวงจร

0
166

            วัฒนธรรมองค์กรของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในระดับโลกที่มีสินค้าและบริการหลากหลาย หากมีการขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ ไม่ว่าในรูปแบบของบริษัทลูกที่เป็นเจ้าของทั้งหมด หรือบริษัทการร่วมทุนโดยร่วมกับธุรกิจในท้องถิ่นก็ตาม ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อจำกัดด้านกฎหมายของประเทศที่เข้าไปลงทุนที่ต้องเข้าไปตั้งสำนักงานจนถึงตั้งโรงงานอุตสาหกรรม องค์กรเหล่านี้จะมีการแตกแขนงธุรกิจเพื่อมาดูแลและอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร หนึ่งในนั้นคือ “ธุรกิจนายหน้าประกันภัย” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับธุรกิจและเครือข่าย เนื่องจากจะช่วย “บริหารความเสี่ยง” เพราะนั่นคือหัวใจหลักของความมั่นคงทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

            เช่นเดียวกับ  TOYOTA TSUSHO CORPORATION บริษัท โตโยต้า ทูโช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2491 ที่ประกอบธุรกิจเทรดดิ้ง นำเข้า-ส่งออก สินค้าและบริการ รวมถึงการค้าปลีกทั้งในและต่างประเทศทั่วโลกที่จัดตั้ง “TT INSURANCE BROKER” ขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกทางด้านการบริหารความเสี่ยงภัย  ไม่เพียงบริษัทในเครือของโตโยต้า ทูโช เอง แต่กับบริษัทในเครือของโตโยต้า TOYOTA บางส่วนอีกด้วย เนื่องจากลักษณะธุรกิจของยานยนต์ ทำให้กลุ่มบริษัทโตโยต้ามีซัพพลายเออร์จำนวนมาก และกระจายการลงทุนรวมทั้งนำเข้า-ส่งออกยานยนต์และอะไหล่ไปแทบทุกมุมโลก จึงมีความจำเป็นที่ต้องมีผู้ดูแลด้านประกันภัยแบบครบวงจรร โดยมีหลากหลายพันธมิตรบริษัทประกันภัยสัญชาติญี่ปุ่นที่มีความเข้มแข็งระดับโลก รวมถึงสัญชาติอื่น ๆ คอยดูแลทางด้านประกันภัย ส่งเสริมทำให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัทโตโยต้า ทูโช ประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการมาได้อย่างราบรื่น

ปัจจุบัน ธุรกิจนายหน้าประกันภัยของโตโยต้า ทูโช มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และสาขากระจายอยู่ 11 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ อังกฤษ บราซิล สาธารณรัฐเชค จีน ฝรั่งเศส และไทย

คุณโชเฮอิ โคอิเดะ (MR. SHOHEI KOIDE) ประธานบริษัท บริษัท ทีที อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด เล่าถึงความเป็นมาของ TTIB ว่า การขยายธุรกิจประกันมาที่ไทยนั้นเริ่มขึ้นในปี 2548 เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งทำธุรกิจเทรดดิ้งในไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 กับ บริษัท โตโยต้า ทูโช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) และกลุ่มตระกูลเชาว์วิศิษฐ โดย TTIB กำลังจะครบรอบ 20 ปี ใน พ.ศ. 2568 คือปีหน้านี้

“เดิมทีเป้าหมายแรกของการตั้ง TTIB ขึ้นในไทย ก็เพื่อดูแลด้านการประกันภัยและช่วยบริหารความเสี่ยงให้กลุ่มยานยนต์โตโยต้า และซัพพลายเออร์ของโตโยต้าเป็นหลัก รวมไปถึงบริษัทในเครือโตโยต้าทูโชเอง ที่มีธุรกิจมากกว่า 30 บริษัท กระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน TTIB ขยายฐานลูกค้าไปไกลกว่าเดิมมาก เพราะเราไม่ได้ดูแลลูกค้าเพียงแค่กลุ่มโตโยต้าอีกต่อไป แต่เป็นกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นทั้งหมดที่เข้ามาลงทุนด้านอุตสาหกรรมอื่นในไทยด้วย เราให้ความสำคัญกับตลาดไทยเนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ ทำให้การเติบโตของ TTIB เราติดอันดับ 1 ใน 3 ของกลุ่ม ฯ รองจากญี่ปุ่น และอินเดีย เลยทีเดียว ในระยะยาว เราก็ยังมุ่งมั่นสนับสนุนฐานลูกค้าคนไทยอย่างต่อเนื่องในทุกอุตสาหกรรม เพราะมองว่าแม้จะเผชิญกับสถานการณ์ขึ้นลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ แต่ประเทศไทยยังมีศักยภาพอีกมาก ทั้งด้านทางการตลาดและการเติบโตของธุรกิจประกันภัยในอนาคต ซึ่งปีนี้ก็เป็นอีกปีที่สำคัญสำหรับเรา เพราะนอกเหนือจากรายได้ที่เติบโตอย่างสำคัญแล้ว เรายังได้รับการพิจารณาจากสำนักงานกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ว่ามีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ ทั้งด้านการเติบโตทางธุรกิจ และด้านสาธารณประโยชน์แก่สังคม จึงเห็นสมควรได้รับรางวัลนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลดีเด่น ประจำปี 2566 อีกด้วย ซึ่งเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ เป็นขวัญกำลังใจทั้งกับฝ่ายบริหารและกับพนักงานของเราทุก ๆ คน” คุณโคอิเดะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

ความได้เปรียบของ TTIB มาจากจุดเด่นของบริษัท ซึ่งก็ค่อนข้างอิงกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น คือ การไม่มุ่งเน้นด้านกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับคุณค่าของงานที่เราทำ ซึ่งในบริบทนี้คืองานบริการในฐานะนายหน้าประกันภัย จะทำอย่างไรให้ลูกค้าได้บริหารจัดการสิทธิประโยชน์อย่างสูงสุด บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่ง TTIB มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการพอร์ตลูกค้าขนาดใหญ่แบบ “ONE STOP SERVICE” มาตลอดเกือบ 20 ปี เรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่มีเชี่ยวชาญทางด้านประกันภัย และเข้าใจดีว่าเมื่อลูกค้าเลือกใช้บริการนายหน้าประกันภัย ก็คาดหวังที่จะให้ช่วยดูแลด้านประกันภัยแบบครบทุกมิติ ด้วยประสบการณ์หลากหลาย ทำให้เข้าใจถึงความต้องการ หรือ INSIGHT NEED ด้านความเสี่ยงภัยของลูกค้าในแต่ละธุรกิจอย่างลึกซึ้ง อีกทั้ง อาศัยข้อดีของการการเป็นกลุ่มบริษัทในเครือโตโยต้า ทูโช ที่ดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย มากกว่า 30 ธุรกิจ จึงสามารถให้บริการด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีกนอกจากการบริหารจัดการความเสี่ยง ความหลากหลายนี้ทำให้  TTIB สามารถสนับสนุนความต้องการลูกค้าได้ครอบคลุมแทบทุกสินค้าและบริการ เป็นการบริการแบบครบวงจร รวมถึงการมีพันธมิตรบริษัทประกันภัย ทั้งสัญชาติญี่ปุ่น ไทย และบริษัทประกันภัยต่างชาติอื่น ๆ 

คุณวันชัย บูรณศิริ รองประธานบริษัท กล่าวต่อว่า “ข้อหนึ่งที่เรามุ่งมั่นให้ความสำคัญมากคือเรื่องพันธมิตรธุรกิจประกันภัยในไทยของเรา เพื่อให้ธุรกิจทั้งเราและพาร์ทเนอร์ได้เติบโตไปด้วยกัน โดยจะให้ความสำคัญกับหลักประกัน เช่น เสถียรภาพทางการเงิน ที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าจะสามารถดูแลลูกค้าของเราได้อย่างราบรื่น ซึ่ง TTIB ก็จะมีการคัดกรองในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทระดับอินเตอร์หรือท้องถิ่น ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจอย่างสูงสุดว่าจะได้รับข้อเสนอที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนมากที่สุด ภายใต้การดูแลของ TTIB”

คุณวันชัยเล่าถึงกลุ่มลูกค้า และช่องทางการขายของ TTIB ว่า “หลัก ๆ เราแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

1. กลุ่มลูกค้าองค์กร (CORPORATE LINE) ส่วนใหญ่เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่มาทำธุรกิจในไทย TTIB เรามุ่งเน้นในการบริหารความเสี่ยงของลูกค้า โดยเราจะมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงของลูกค้าและจะนำเสนอประกันภัยประเภทต่าง ๆที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าลดความเสี่ยงภัยและสามารถทำธุรกิจได้อย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่รองรับความเสี่ยงภัยใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าตามประเภทของธุรกิจที่มีความแตกต่างกันออกไปเพื่อปิด หรือลดระดับความเสี่ยงที่มีอยู่ เช่น ประกันภัยสินเชื่อทางการค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ประกันภัยไซเบอร์สำหรับกลุ่มงานความเสี่ยงทางดิจิทัล การประกันภัยการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกสำหรับกลุ่มเวชภัณฑ์การการแพทย์ต่าง ๆ ฯลฯ ตามความเสี่ยงภัยของลูกค้า

2. กลุ่มลูกค้ารายย่อย (PERSONAL LINE) ฐานลูกค้าเดิมคือกลุ่มพนักงานของบริษัทในเครือ หรือพนักงานจากลูกค้าองค์กรที่ประสงค์ซื้อประกันภัยเพิ่มสำหรับทรัพย์สินส่วนตัว เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันอุบัติเหตุ ประกันภัยรถยนต์ แต่หลังการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งทาง TTIB ได้ใช้ช่องทางโชเชียลในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้ามากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้มีกลุ่มลูกค้าออนไลน์ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นมากขึ้นตามไปด้วย TTIB จึงตอบรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน ที่แพลตฟอร์มออนไลน์เข้ามาเปลี่ยนแปลงบทบาทในชีวิตอย่างมาก รวมทั้งลูกค้าคุ้นเคยกับการซื้อขายแบบออนไลน์มากขึ้น โดยเรามีจัดโปรโมชั่นพิเศษผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ เน้นประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก เช่น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ราคาพิเศษ ทั้งแบบรายปี และแบบระยะสั้น 30วัน เสนอขายผ่านช่องทางโซเชียล FACEBOOK PAGE (TT Insurance Broker) และ LINE OFFICIAL (@ttib) มีทีมแอดมินคอยดูแลแชทลูกค้าอย่างไม่ตกหล่น เนื่องจากใช้ระบบ AI BOT เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยคัดกรองและรองรับลูกค้าที่ให้ความสนใจติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก

ส่วนด้านผลิตภัณฑ์สำหรับช่องทางโซเชียล เราเลือกการทำตลาดร่วมกับบริษัทประกันภัยที่เป็นพันธมิตร เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ซับซ้อน ขั้นตอนเข้าใจง่าย และกลุ่มลูกค้ารายย่อยสามารถซื้อได้ด้วยตนเอง โดยสามารถซื้อผ่านเว็บไซต์ภายใต้โค้ดของ TTIB ซึ่งลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม จากนั้นจะได้รับกรมธรรม์ออนไลน์แบบ E-POLICY เช่น ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ” คุณวันชัยกล่าวสรุป

ทั้งนี้ ในกลุ่มธุรกิจนายหน้าประกันภัยของ TTIB ยังมีอีก 2 บริษัท คือ บริษัท ทีที ไลฟ์ อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ TTLIB  สำหรับดูแลเรื่องประกันชีวิตและประกันสุขภาพ และบริษัท ทีที เมดิคอล แอนด์ เวลแฟร์ แมเนจเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ TTMWM เป็นผู้ให้บริการ THIRD-PARTY ADMINISTRATION (TPA) บริหารจัดการเคลมค่ารักษาพยาบาล งานกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลวิชาชีพที่คอยให้คำแนะนำ รวมไปถึงวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านสุขภาพให้กับบริษัทลูกค้า ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ ทำให้กลุ่มบริษัท TTIB มีความพร้อมในทุกด้าน สามารถดูแลลูกค้าแบบครบถ้วน ทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ ทั้งเสถียรภาพขององค์กร และสวัสดิการความเป็นอยู่ของพนักงาน

TTIB ไม่อยากมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องประกันอย่างเดียว แต่ต้องการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวม ทั้งองค์กรและพนักงานต้องพึ่งพากันและกัน ไปต่อด้วยกันได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะตอนนี้ ที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่ผ่านจุดนั้นมาแล้ว” คุณโคอิเดะกล่าวย้ำ

“ที่ผ่านมา TTIB เริ่มจากดูแลลูกค้าญี่ปุ่นเป็นหลัก ตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ทำให้มีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นธุรกิจญี่ปุ่นในกลุ่ม TOYOTA เป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 80% สอดคล้องกับยอดขายหลักจะเป็นประกันภัยประเภท NON-MOTOR  ประมาณ 60% แต่ปัจจุบันเรากำลังขยายไปยังกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่สัญชาติญี่ปุ่นมากขึ้น มีอัตราเติบโตในแต่ละปีประมาณ 10% ซึ่งในปี 2566 มีเบี้ยประกันภัยประมาณ 1,700 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ ประมาณ 50 ล้านบาท และในปี 2566 นี้ เราตั้งเป้าหมายการเติบโตกว่าเดิมไม่น้อยกว่า 10% และวางแผนที่จะนำระบบเทคโนโลยี เช่น AI มาใช้ในการทำงานมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้า และพัฒนาการบริการให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากที่สุด”

ด้านคุณวันชัย ได้เพิ่มเติมอีกว่า “ด้วยภาวะเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ทุกธุรกิจต่างถูก DISRUPT ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ไม่มากก็น้อย ทำให้ทุกคนต้องหันมาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และเป้าหมายใหม่ TTIB ต้องการขยายตลาดและเติบโตในประเทศไทยแบบกระจายไปในวงกว้างมากขึ้น โดยใช้ความได้เปรียบด้านวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งในสไตล์ญี่ปุ่น ผนวกกับความเข้าใจสไตล์การทำงานของชาวไทย พร้อมด้วยประสบการณ์การทำงานด้านการประกันภัยจากการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัยมาอย่างยาวนาน และตั้งใจที่จะเจริญเติบโตไปพร้อมกับคนไทย สังคมไทย เน้นการสร้างคุณค่าและสร้างสรรค์สังคมให้เจริญรุ่งเรืองไปพร้อม ๆ กัน ด้วยแนวทางการทำงานอย่างมีจริยธรรมต่อลูกค้าและคู่ค้า ทำธุรกิจอย่างเปิดเผยเป็นธรรม รับผิดชอบต่อสังคม และรักษาสิ่งแวดล้อม”

คุณวันชัยยังกล่าวเสริมถึงข้อปฏิบัติสำคัญอีกด้วยว่า “TTIB ให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่หน้างานจริงอย่างมาก หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า เก็มบะ (GEMBA) ก่อนออกข้อเสนอ TTIB จะเข้าไปหาลูกค้าที่หน้างานทุกราย และไม่ได้คุยแค่เรื่องประกันภัยกับลูกค้าเพียงอย่างเดียว ยังให้คำแนะนำเรื่อง ENVIRONMENT ทั้งหมดของธุรกิจลูกค้าด้วย ซึ่งลูกค้าแต่ละรายจะมีความเสี่ยงที่ความแตกต่างกันออกไป จะไม่ทำเพียงแค่ส่งอีเมล หรือโทร. คุยกันเท่านั้น เพราะเราต้องการรู้ว่าลูกค้ามีความกังวลอะไรบ้าง ความเสี่ยงอะไรที่จะกระทบต่อธุรกิจที่ลูกค้าทำอยู่ และต้องจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างไร จากนั้นจะวิเคราะห์และหาทางออกร่วมกับพันธมิตร และแจ้งให้ลูกค้าทราบ นำเสนอว่ามีอะไรที่บริษัทสามารถปิดหรือลดระดับความเสี่ยงให้กับลูกค้าได้ เช่น การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก หากลูกค้ากังวลต่อสถานการณ์ภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ หรือการประกันภัยสินเชื่อทางการค้า หากว่าลูกค้ามีความกังวลต่อสถานภาพทางการเงินของคู่ค้า ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของธุรกิจ ทั้งในส่วนของตัวบริษัทเองและพนักงาน ซึ่งบางมุมอาจเป็นสิ่งที่ลูกค้าไม่รู้มาก่อนว่าสามารถทำประกันได้

ด้านคุณโคอิเดะ กล่าวถึงทิศทางของบริษัทอันใกล้ใน 3-5 ปีข้างหน้านี้ว่า ที่ TTIB ต้องการมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในด้านการขยายตลาดนั้น เพราะยังมีธุรกิจอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากทั้งไทยและต่างชาติ นอกเหนือจากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ที่ TTIB สามารถซัพพอร์ตได้ โดยใช้ความเชี่ยวชาญของ TTIB ที่เข้าใจวัฒนธรรมองค์กรต่างชาติเป็นอย่างดี สามารถดูแลลูกค้าแบบครบวงจรทั้งในด้านประกันภัยและนอกเหนือจากการประกันภัย อาศัยความพร้อมมูลของบรรดาพันธมิตรบริษัทในเครือ ทำให้พร้อมที่จะดูแลทุกความต้องการเพื่อให้ธุรกิจลูกค้าดำเนินไปได้ด้วยความราบรื่น

 “อยากให้คนไทยมองว่า TTIB เป็นโบรกเกอร์ประกันภัยสัญชาติญี่ปุ่นที่มีความจริงใจด้วยมาตรฐานด้านการบริการในแบบญี่ปุ่น เพิ่มเติมคือความเข้าอกเข้าใจพนักงานชาวไทย เพราะบริษัท ฯ ดำเนินธุรกิจโดยผสมผสานเอกลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่นในแบบไทย ๆ มายาวนาน ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีเอกลักษณ์ที่ดีของตัวเอง อยากให้ มั่นใจว่าภายใต้การดูแลของเรา ด้วยมาตรฐานญี่ปุ่นของกลุ่มโตโยต้า เราสามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการด้านประกันภัยได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าชาวไทย หรือชาวต่างชาติ” คุณโคอิเดะ กล่าวทิ้งท้าย

ช่วงท้าย คุณวันชัยเล่าเพิ่มเติมถึงกิจกรรมเพื่อสังคมของ TTIBว่า “ปีนี้ TTIB พยายามทำกิจกรรมเพื่อสังคมแบบเข้าถึงคนในพื้นที่ เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนไทยมากขึ้น โดยมีชื่อโครงการว่า “นินนินให้ (NIN-NIN HAI)” ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 แล้ว มีไอเดียมาจากมาสค็อต “นินนิน” ของบริษัท ที่ทำเป็นรูปนินจา สื่อถึงความว่องไวเฉียบคมแบบญี่ปุ่น และคำว่า “ไฮ่” ซึ่งเป็นคำตอบรับภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “YES/ใช่” พ้องเสียงกับว่า “ให้” ของไทย ซึ่งมีความหมายที่ดีอยู่แล้ว ในปีนี้ TTIB ร่วมกิจกรรมระดับภาคและจังหวัด กับทาง สำนักงาน คปภ. อย่างหลากหลาย ไม่เพียงแค่งานบริจาคสิ่งของเพื่อบรรเทาสาธารณภัย แต่ยังเป็นการลงพื้นที่ชุมชน จัดบู้ธกิจกรรม “นินนินให้” ผ่านงานเสวนา เข้าร่วมเป็นวิทยากรให้โครงการยุวชนประกันภัย เพื่อรณรงค์ให้เด็กนักเรียนรู้จักการประกันภัย และมีทัศนคติที่ดีกับการทำประกันภัย สร้างการรับรู้และทำให้เข้าถึงประกันได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องประกันภัยภาค บังคับ/สมัครใจ ให้กับผู้นำชุมชน โดยสนับสนุนของรางวัลต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “หมวกนิรภัย/หมวกกันน็อค” ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมากในทุกครั้งที่ลงพื้นที่ จึงมองเห็นช่องทางที่จะรณรงค์ให้คนเข้าถึงหมวกกันน็อคได้ง่าย ๆ จากการทำประกันภัยรถจักรยานยนต์ และเป็นที่มาของโครงการ “มอไซค์ใจสู้” ที่เราคิดทำร่วมกันกับ บริษัท ไทยไพบูลย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) “TPB” ซึ่งเชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ และมีความเห็นตรงกันเรื่องการส่งเสริมจิตสำนึกความปลอดภัย พร้อมบริหารความเสี่ยงด้วยการประกันภัย”