คปภ. ประกาศเกณฑ์ใหม่ 2568 ป้ายแดงต้องระบุชื่อคนขับทุกคัน !

0
3518

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา คปภ. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้เผยแพร่ ‘คำสั่งนายทะเบียนที่ 46/2567 เรื่อง ให้ใช้ แบบ ข้อความ และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์’ หรือ ‘เกณฑ์ใหม่การระบุชื่อผู้ขับขี่’ ที่ เลขาธิการ คปภ. นายชูฉัตร ประมูลผล ได้เซ็นอนุมัติใช้เรียบร้อยแล้ว

ประเด็นสำคัญที่คนทำประกันรถฯ ต้องรู้

กฏเกณฑ์เรื่องการบังคับให้ระบุชื่อผู้ขับขี่ (ได้สูงสุด 5 คน) เริ่มถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ช่วงปี 2567 โดยเริ่มที่การประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีจุดประสงค์หลักเพื่อให้รางวัลกับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมการขับรถที่ดี ได้รับ ส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มตั้งแต่ 10% – 40% ต่อปี

โดยในปี 2568 นี้ทาง คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) มีแนวคิดว่าจะเริ่มปรับใช้ ‘เกณฑ์ใหม่การระบุชื่อผู้ขับขี่’ กับ รถยนต์สันดาป หรือ รถยนต์น้ำมัน บางส่วน และ ในปี 2569 คาดว่าจะปรับใช้กับรถยนต์ส่วนบุคคลทุกคัน

เริ่มใช้กับรถป้ายแดง 1 มิถุนายน 2568

โดยคำสั่งนายทะเบียนที่ 46/2567 ที่ได้ประกาศไปแล้ว มีเนื้อหาคือในปี 2568 ให้บริษัทประกันสามารถเริ่มใช้การบังคับให้ระบุผู้ขับขี่กับ ‘รถยนต์ป้ายแดงทุกคันได้เลย’ (รถอายุไม่เกิน 1 ปี)

แต่ถ้าหากบริษัทประกันภัยไหนยังไม่พร้อมใช้หลักเกณฑ์ใหม่นี้ ก็ให้สามารถใช้การประกันภัยแบบเดิมไปได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 หมายความว่า ในวันที่ 1 มิถุนายน 2568 รถยนต์ป้ายแดง (รถอายุไม่เกิน 1 ปี) ทุกคัน จะต้องมีการ ระบุชื่อผู้ขับลงในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ เพื่อประกอบความคุ้มครองนั่นเอง

เริ่มใช้กับรถทุกคัน 1 มกราคม 2569

ในประกาศฉบับเดียวกันนี้เอง มีการระบุไว้เรียบร้อยแล้วว่า รถยนต์ที่ไม่ใช่ป้ายแดง (รถยนต์อายุเกิน 1 ปี) จะใช้เงื่อนไขประกันรถยนต์แบบเดิมได้จนถึงแค่วันที่ 31 ธันวาคม 2568

หมายความว่าใน วันที่ 1 มกราคม 2569 ทั้งรถยนต์อายุไม่เกิน 1 ปี และ รถยนต์อายุเกิน 1 ปี ก่อนที่จะสามารถทำประกันภัยรถยนต์ จะต้องมีการ ‘ระบุชื่อผู้ขับขี่ได้สูงสุด 5 คน’ เป็นเงื่อนไขเพิ่มนั่นเองครับ

จะ ‘บังคับระบุผู้ขับขี่’ ไปเพื่ออะไร?

คงเป็นคำถามที่หลายๆคนสงสัยว่าทำไมพึ่งจะมาคิดระบุผู้ขับขี่ในตอนนี้ และดูเหมือนจะทำให้ผู้บริโภคที่ซื้อประกันภัยรถยนต์เสียประโยชน์ มากกว่าได้ ทาง Priceza Money ได้สรุปข้อมูลออกมาให้เข้าใจง่ายๆใน 3 ข้อ ดังนี้

  1. ระบุผู้ขับขี่เพื่อรับส่วนลดที่มากขึ้น

จากเดิมส่วนลดหลักๆของประกันภัยรถยนต์ก็คือ ‘ส่วนลดประวัติดี’ คือให้ส่วนลดกับรถที่ไม่มีประวัติการชนแบบเป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณีเลย ลดสูงสุดที่ 50%

แต่เมื่อปรับเป็นแบบ ‘บังคับระบุผู้ขับขี่’ ทำให้มีส่วนลดประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้นมากลายเป็น 2 ส่วน คือ ‘ส่วนลดระบุผู้ขับขี่ขับดี’ และ ‘ส่วนลดประวัติดีของรถ’ โดยลดสูงสุดที่ 40% + 40% เลย

ตัวอย่าง เราต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ต่อปีที่ 20,000 บาท

ส่วนลดแบบเดิมจะลดสูงสุดคือ 20,000 บาท – 50% = 10,000 บาท

ส่วนลดแบบใหม่จะลดสูงสุดคือ 20,000 บาท – 40% = 12,000 บาท – 40% = 7,200 บาท

นอกจากนี้ ‘ส่วนลดระบุผู้ขับขี่ขับดี’ จะสามารถใช้เมื่อย้ายบริษัทประกันไปบริษัทอื่นๆได้อีกด้วย

  1. ระบุผู้ขับขี่เพื่อเข้าสู่ประกันรถยนต์แบบ personalize

นอกจากประโยชน์ในด้านส่วนลดที่เห็นกันตรงๆแล้ว การระบุผู้ขับขี่จะทำให้บริษัทประกันรถยนต์ มีข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนแบบละเอียด ทั้ง อายุ เพศ จังหวัดที่อาศัย และ อัตราการเกิดอุบัติเหตุ

ส่วนนี้จะทำให้การ ออกแบบแผนประกันภัยรถยนต์มีการพัฒนามากขึ้น และ เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละผู้ใช้มากขึ้น เช่น ในอนาคตเราอาจจะเห็นประกันรถยนต์ที่กำหนดราคาตาม profile ของแต่ละผู้ขับขี่ได้เลย แต่ละคนเข้าไปทำประกันรถยนต์ อาจจะได้ราคาต่างกันหมดเลย ได้ราคาสำหรับแต่ละบุคคล แทนที่ทุกคนจะเฉลี่ยความเสี่ยงออกมาเป็นราคาเดียว

  1. การขับขี่บนท้องถนนจะปลอดภัยขึ้น

การบังคับให้ระบุผู้ขับขี่แบบนี้ จะเป็นการจูงใจให้ผู้ขับอยากมีพฤติกรรมการขับที่ดีขึ้น ไม่ชนพร่ำเพื่อ ขับปลอดภัย เสี่ยงน้อยลง เพราะหากขับดีก็จะมีรางวัลให้เป็นส่วนลดที่ตีออกมาเป็นเงินหลายพันบาท

และไม่เหมือนกับอดีตที่พอย้ายบริษัทประกันก็เหมือนไปเริ่มใหม่หมด แต่ถ้ามีการบังคับระบุผู้ขับขี่ พอย้ายบริษัทประกันก็สามารถจะนำส่วนลดที่เคยได้ ไปที่บริษัทประกันใหม่ได้อีกด้วย

เราจะต้องเตรียมตัวอย่างไร?

จริงๆแล้วสำหรับคนที่ขับรถด้วยความปลอดภัยและระมัดระวังอยู่แล้วก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ให้เตรียมรอรับส่วนลดค่าประกันภัยรถยนต์ในปีถัดๆไปได้เลย

แต่ก็มีข้อควรระวังในการระบุผู้ขับขี่ เพราะจะระบุได้สูงสุด 5 คน เราสามารถเลือกได้ว่าจะระบุ 1 2 3 4 หรือ 5 คน มองผิวเผินอาจจะรู้สึกว่ายิ่งระบุเยอะยิ่งดี แต่ถ้าหาก 1 ใน 5 คนมีประวัติที่ไม่ดีในการขับรถ จะทำให้ประกันภัยรถยนต์ของเราในปีนั้นอยู่ในเกณฑ์ ‘ไม่ได้ส่วนลดระบุผู้ขับขี่ทันที’

เพราะฉะนั้นการระบุผู้ขับขี่ควรระบุแต่พอสมควรและระบุชื่อคนที่มีโอกาสขับจริงๆ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการไม่ได้รับส่วนลดด้วย