กรุงศรี ลุย “GO Sustainable” จัดเพิ่มสินเชื่อยั่งยืน ทะลุแสนล้านก่อนเป้าปี 2573

0
20

กรุงศรี ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน”  ด้วยแนวคิด “GO Sustainable with krungsri” เติบโตอย่างยั่งยืนและรักษาความเป็นผู้นำทางธุรกิจ พร้อมทั้งเคียงข้างให้การสนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับเศรษฐกิจและสังคม เตรียมทบทวนเพื่มสินเชื่อยั่งยืน ล่าสุดอยู่ที่ 76,000 ล้านบาท  จากเป้า 100,000 ล้านบาท ในปี 2573  เล็งเพิ่ม Climate Risk เข้าแผน Operation เสริมแกร่งมาตรฐานสากล

นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรุงศรีขับเคลื่อนกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนใน 2 ด้านหลัก คือ 

การเติบโตอย่างยั่งยืนและรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจหลัก (Sustainable Core Business) โดยนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างอีโคซิสเต็มส์ให้กับธุรกิจทั้งในประเทศและอาเซียน

การขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Society) สนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม

ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Society) มีหลายโครงการที่ดำเนินการมาและยังคงเดินหน้าต่อไป และโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะในมิติด้านสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2564 กรุงศรีกำหนดวิสัยทัศน์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Krungsri Net Zero Vision) ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573 และจากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593

โดยให้ความสำคัญกับ 2 เรื่อง ดังนี้
เรื่องแรก การดำเนินการภายในกรุงศรี (Own Operations) ดูแลลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการดำเนินธุรกิจ ปลูกฝัง Krungsri Sustainability DNA ให้เกิดขึ้นภายในองค์กร เพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573 และเดินหน้าสู่การเป็น Net-Zero Organization ซึ่งได้ดำเนินการหลายโครงการต่อเนื่อง ทั้งที่สำนักงานใหญ่ อาคารสำนักงาน และสาขา อาทิ การเปลี่ยนระบบเครื่องทำความเย็น (Chiller Plant) การติดตั้งแผงโซลาเซลล์ การเปลี่ยนรถยนต์ ส่วนกลางและจักรยานยนต์ที่ใช้ในการรับส่งเอกสารเป็นยานยนต์ไฟฟ้า การกำจัดขยะ

เรื่องที่สอง การเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับ MUFG สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล และเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในประเทศไทย

ปัจจุบันกรุงศรีเป็นผู้นำในตลาดทุนและตลาดสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนในประเทศไทย เป็นผู้ออกตราสารเพื่อความยั่งยืน (ESG Bond Underwriting) มีส่วนแบ่งตลาดราว 20% และเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยรายแรกที่ออกผลิตภัณฑ์ด้านความยั่งยืนใหม่ๆ สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ สินเชื่อเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน และเงินฝากเพื่อความยั่งยืน

ทั้งนี้ กรุงศรีมุ่งลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593 โดยตั้งเป้าสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน (Social and Sustainable Finance) จำนวน 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 (จากปีฐาน 2564) ซึ่ง ณ สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ให้เงินสนับสนุนไปแล้ว 76,000 ล้านบาท  ซึ่งใกล้เป้าหมายที่กำหนดไว้ 100,000 ล้านบาท จึงต้องทำพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด

นายไพโรจน์ กล่าวว่า การจะเป็นผู้นำธนาคารที่ยั่งยืน เราต้องสร้างรากฐานด้านความยั่งยืนให้แข็งแกร่ง  ซึ่งกรุงศรีอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้มีมาตรฐานสากล TCFD (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) ผ่านคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IECC) ของธนาคาร และจัดทำแผน Transition Plan เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของประเทศสู่เป้าหมาย Net Zero  และเป็นหนึ่งในธนาคารหลักที่ทำงานภายใต้สมาคมธนาคารไทย เพื่อช่วยภาคธนาคารไทยเร่งพัฒนาแผน Transition Plan สำหรับภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ

“เป้าหมายในปีนี้ คือการนำความเสี่ยงในเรื่อง Climate Risk Stress Test เข้าไปอยู่ใน Operation ทั้งหมดของธนาคาร ซึ่งเป็นเรื่องใหม่มาก แต่เป็นการสร้างรากฐานด้านความยั่งยืนให้แข็งแกร่งและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้มีมาตรฐานสากล   ซึ่งกรุงศรี เป็น 1 ใน 2 ธนาคารที่เป็นลีดในการสร้าง Framework เรื่อง Sustainable Finance ของภาคธุรกิจธนาคารพาณิชย์  และเราวาง Position ที่จะเป็น Market Shaper ในด้าน Sustainable Financeให้กับอุตสาหกรรม ประเทศ และคู่ค้าของเรา เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรม สภาพแวดล้อม และอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ไทย” นายไพโรจน์ กล่าวสรุป