ชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี ฉลอง 20 ปี จัดสัมมนาใหญ่ ‘SME Transformation’

0
170

ชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี ฉลองครบรอบ 20 ปี จัดสัมมนาใหญ่ “SME Transformation” ดึงสุดยอดมือบริหารองค์กรชั้นนำและกลุ่มธุรกิจดาวเด่น ร่วมเวทีแชร์ประสบการณ์ตรง ติดปีกความรู้ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมเปิด “คลินิก” ให้คำปรึกษาธุรกิจแบบครบวงจร เร่งปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล หนุนเติบโตอย่างยั่งยืน

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนา “SME Transformation: เปลี่ยนผ่านธุรกิจ เติบโต ยั่งยืน” โอกาสครบรอบ 20 ปี ชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านราย ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 12 ล้านคน และสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 35% ของ GDP เป็นรากฐาน Supply Chain ที่สำคัญของหลายๆ อุตสาหกรรมในประเทศ  ธนาคารกรุงเทพจึงให้ความสำคัญในการสนับสนุนเอสเอ็มอี เพื่อเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไทยก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาคและของโลก

“นอกจากสนับสนุนสินเชื่อและบริการทางการเงินต่างๆ แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแล้ว ธนาคารยังเป็น Facilitator ช่วยประสานความร่วมมือกับภาคราชการและสถาบันการศึกษา ให้ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่ต่อผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง  ทั้งการผลิต การเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านเครือข่าย Supply Chain รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ของธนาคารอีกด้วย ” นายชาติศิริ กล่าว

นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวภายใต้หัวข้อ “ความท้าทายและทางออกในการพัฒนา เอสเอ็มอีไทย” ว่า จากข้อมูลของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) พบว่าจีดีพีของไทยอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านล้านบาท  ซึ่งเอสเอ็มอีมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของจีดีพีดังกล่าว โดยกลุ่มธุรกิจบริการมีสัดส่วนมากที่สุดกว่า  40% ซึ่งปัจจุบันธุรกิจเอสเอ็มอีในไทย ประสบปัญหาทั้งด้านต้นทุน การขาดแรงงานฝีมือ ขาดองค์ความรู้ในเชิงลึก และขาดศักยภาพการแข่งขัน และที่สำคัญคือยังขาดการสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถนำนวัตกรรมมาปรับใช้กับธุรกิจให้มากขึ้น ทั้งเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัล และสิ่งแวดล้อม

“ในยุคดิจิทัล เอสเอ็มอีจะต้องนำองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา Digital Disruption จนธุรกิจไปต่อไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนมีแนวทางสนับสนุนภาคธุรกิจจำนวนมาก เพื่อให้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน” นายพิเชฐ กล่าว

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) กล่าวในหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทยและผลกระทบต่อเอสเอ็มอี” ว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องเตรียมตัวรับมือ 4 เรื่องสำคัญที่จะเกิดการเปลี่ยนในอนาคต ได้แก่

  1. การปรับตัวในในยุค Industrial Revolution 4.0 ที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเอสเอ็มอีจะต้องปรับตัวให้ทัน และนำเข้ามาปรับใช้เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
  2. ร่วมเป็น Supply Chain ใหม่ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐที่จะรุนแรงขึ้น จะนำมาสู่โอกาสใหม่ของอาเซียน โดยคาดว่าการลงทุนจะไหลเข้าสู่ประเทศในอาเซียนมากขึ้น และเชื่อว่าภายใน5 ปีข้างหน้าอาเซียนจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งด้านการลงทุนเศรษฐกิจ และท่องเที่ยว จึงเป็นโอกาสให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของอาเซียนได้
  3. โอกาสของภูมิภาคเอเชียและอาเซียน จากความเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความเจริญขยายสู่หัวเมืองใหญ่ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีโอกาสในการขายสินค้าและบริการทั้งในและต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น
  4. มาตรการใหม่ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป เช่น มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม และมาตรการการใช้แรงงาน รวมทั้งมาตรการทางการเงิน ที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องทำการศึกษาและทำความเข้าใจ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการต่างๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

ด้านนายศุภชัย จินตนาเลิศ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สุขสมบูรณ์ น้ำมันปาล์ม จำกัด สมาชิกชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี กล่าวว่า ความรู้ที่ได้รับจากชมรมเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้วยการนำ “นวัตกรรม” เข้ามาปรับใช้ โดย ดร.โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร ฯ ธนาคารกรุงเทพ แนะนำว่า นวัตกรรมไม่ใช่เพียงเครื่องจักรหรือเทคโนโลยี แต่รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนบัญชี การบริหารแรงงาน เพื่อให้ดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ  และสามารถอยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์

“สมาชิกเครือข่ายชมรมฯ มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกกันอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้เตรียมรับมือความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น  ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ด้วยข้อมูลเชิงลึก ทำให้บริษัทประเมินสถานการณ์พลิกวิกฤติเป็นโอกาส จนมียอดขายเติบโตได้ถึง 3 เท่าจากช่วงปกติ”

นายกุลโชค โพธิ์พัฒนชัย กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เอ.ไอ. (A.I. Group) และ บริษัท เอ.ไอ.เทคโนโลยี จำกัด (A.I.Technology) กล่าวว่า จุดอ่อนของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี คือขาดองค์ความรู้ในการบริการจัดการธุรกิจ ซึ่งชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอีเห็นความสำคัญและเข้ามาสนับสนุน  ไม่ว่าจะเป็นการอบรมสัมมนา ศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ การจับคู่ธุรกิจ  รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกิจเพื่อนำมาปรับใช้ต่อยอดได้ ทั้งนี้ธุรกิจรุ่นใหม่ ๆ ต้องทำความเข้าใจจุดอ่อน-จุดแข็งของตัวเอง  ประเมินสถานการณ์ธุรกิจในอนาคต  ลดความเสี่ยงจากการลงทุน พัฒนาความรู้ทั้งด้านทักษะแรงงาน บริหารทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ พร้อมผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่

ทั้งนี้ ภายในงานผู้ประกอบการได้เห็นตัวอย่างของกลุ่มเอสเอ็มอีดาวเด่น 10 ธุรกิจจากชมรมฯ ที่นำเทคโนโลยี และนวัตกรรม มาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ รวมทั้งบริการ “คลินิก” ให้คำปรึกษาจากหน่วยงานพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น บูธ BOI ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ,  บูธ DEPA แนะนำวิธีการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัล, บูธ NIA ส่งเสริมการปั้นธุรกิจ SME สู่การเป็นองค์กรนวัตกรรมในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และ บูธ สวทช. สนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับภาคการผลิตและบริการ

รวมทั้งสามารถขอคำปรึกษาด้านการลงทุนกับบูธธนาคารกรุงเทพ โดยมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ เช่น สินเชื่อ Bualuang Green เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  รับมือต่อความท้าทายของธุรกิจและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

ชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี เป็นหนึ่งในการสนับสนุนเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการของธนาคารกรุงเทพจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2546 จากดำริของ ดร.โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตประธานกรรมการบริหาร ที่ต้องการให้เกิดการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  เริ่มจากการรวมตัวของผู้ประกอบการที่ผ่านการอบรมจากธนาคารและจัดตั้งเป็น “ชมรมบัวหลวงเอสเอ็มอี”  โดยธนาคารให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆเพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ และขยายการสร้างเครือข่ายสมาชิกที่แข็งแรง ส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันมีเครือข่ายสมาชิกเอสเอ็มอีจากทั่วประเทศกว่า 2,000 ราย ภายใต้สโลแกน “สัมพันธ์ดี มีเครือข่าย ได้ความรู้ อุ้มชูธุรกิจ”