ซูเปอร์แอป “AIA+” ช่วยลดการใช้กระดาษได้มหาศาล

0
74

แอปพลิเคชัน AIA+ (เอไอเอ พลัส) แพลตฟอร์มดิจิทัล ครบวงจรสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ ครบจบด้วยบริการด้านการจัดการกรมธรรม์ การดูแลสุขภาพ และการแลกรับสิทธิประโยชน์ในแอปเดียว “จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ดิจิทัล โซลูชันส์ แอนด์ ดีไซน์ เอไอเอ ประเทศไทย บอกเล่าถึงภารกิจปั้นแอปพลิเคชัน AIA+ ภายใต้โจทย์ใหญ่ ดูแลรักษาข้อมูลลูกค้าให้ปลอดภัย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม

จุฑาภัทร  เปิดเผยว่า แอปพลิเคชัน AIA+ (เอไอเอ พลัส) เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจรสำหรับผู้ถือกรมธรรม์  ให้บริการด้านการจัดการกรมธรรม์ การดูแลสุขภาพ และการแลกรับสิทธิประโยชน์ไว้ครบจบในแอปเดียว ภายใต้โจทย์ใหญ่ในการดูแลรักษาข้อมูลลูกค้าให้ปลอดภัย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ผ่านการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาสร้างประสบการณ์ที่ลื่นไหลและตรงใจมากที่สุด  รวมไปถึงเป้าหมายด้านความยั่งยืนกับแคมเปญ AIA+ Go Green ที่ AIA+ ชวนลูกค้าเปลี่ยนมาทำธุรกรรมผ่านแอปเพื่อลดการใช้กระดาษและต่อยอดเป็นการปลูกต้นไม้รวม 10,000 ต้น ในปี 2568

ภารกิจ ESG ของดิจิทัลแพลตฟอร์มยุคใหม่หัวใจสีเขียว

เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้านำเทคโนโลยียุคดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย และลดการใช้ทรัพยากรในทุกกระบวนการดำเนินงาน โดยเอไอเอ ตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกเดือด (Global Boiling) ที่ส่งผลกระทบต่อทุกชีวิต   โดยเฉพาะปริมาณเอกสารจำนวนมหาศาลที่ธุรกิจประกันต้องพิมพ์เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าในทุกๆปี จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการรณรงค์ลดการใช้กระดาษภายใต้แนวคิดธุรกรรมไร้กระดาษ (Paperless Transactions)  และได้ประกาศแคมเปญ AIA+ Go Green เมื่อกลางปี 2567 เชิญชวนลูกค้าให้เปลี่ยนมาใช้ e-Document และ e-Receipt ผ่านแอป AIA+ ช่วยลดการใช้กระดาษ และสร้างพลังการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ เพื่อขยายความสำเร็จของโครงการ คุณจุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ และทีมผู้บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมด้วยพนักงานอาสาสมัคร จะร่วมกันปลูกต้นไม้ 10,000 ต้น ในช่วงต้นปี 2568

ความท้าทายในการสร้างซูเปอร์แอปที่รองรับทุกมิติของการจัดการสุขภาพ

เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัวซูเปอร์แอป “AIA+” (เอไอเอ พลัส) เมื่อปี 2565  เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกรมธรรม์ การดูแลสุขภาพที่สะดวกขึ้นภายในแอปเดียว  ซึ่งนอกจากผู้ถือกรมธรรม์แล้ว บุคคลทั่วก็สามารถลงทะเบียนเข้าอ่านบทความเพื่อสุขภาพได้เช่นกัน

“เราสร้าง AIA+ ให้เป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทุกมิติด้านสุขภาพ ตั้งแต่ธุรกรรมประกัน การดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการให้บริการที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน โดยนำเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์เชิงลึกมาใช้พัฒนาฟีเจอร์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและสอดรับกับเทรนด์ยุคใหม่ เช่น การให้คำปรึกษาทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์  ฟีเจอร์สแกนใบหน้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI  สามารถวัดและติดตามดัชนีมวลกาย (BMI) ความดันโลหิต ชีพจร และระดับความเครียด โดยบริการที่พัฒนาขึ้นยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) โจทย์หลักคือทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

ความปลอดภัยของลูกค้าสำคัญที่สุด

สำหรับมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดของแอป AIA+  เราให้ความสำคัญสูงสุดกับระบบความปลอดภัยด้านข้อมูล เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การจัดตั้งทีมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Incident Response Team) โดยกำจัดทุกช่องโหว่ในทุกขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์ พร้อมกับการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลทางชีวภาพเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการเข้าสู่ระบบขึ้นไปอีกขั้น

“เราพัฒนา AIA+ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ  และพร้อมที่จะเติบโตและเสริมแกร่งอีโคซิสเต็มให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในทุกมิติของการพัฒนา  โดยมุ่งหวังที่จะเป็นซูเปอร์แอปที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพอย่างครอบคลุมและร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่คนไทยและสังคมต่อไป” คุณจุฑาภัทร กล่าวสรุป