80 ปี กรุงศรี ชูแนวคิด ‘Shaping Future Together’ ปี 68 เดินหน้าเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน  

0
17

กรุงศรี โชว์ผลงานปี 2567 ยืนหนึ่งผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน  ก้าวสู่ปีที่ 80 ชูแนวคิด “Shaping Future Together” ปี 2568  สานต่อกลยุทธ์เติบโตอย่างสมดุล มุ่ง Corporate Transformation ภายใต้กลยุทธ์ ONE Krungsri  

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  ในโอกาสครบรอบ 80 ปีกรุงศรี และก้าวสู่ปีที่สองของแผนธุรกิจระยะกลาง (ปี 2567-2569) ด้วยแนวคิด “Shaping Future Together” หรือ “ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน”  มุ่งมั่นเรื่องความยั่งยืนและดิจิทัลเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่การเติบโต  เป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันทางการเงินใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ ผู้คน และชุมชน  ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

2567 เติบโตอย่างสมดุล

ปี 2567 กรุงศรีลงทุนในดิจิทัลโซลูชันและเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI  ระบบการประเมินราคาด้วย AI และโซลูชันการเติมเงินสดที่เครื่อง ATM ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการแก่ลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น  และยังคงรักษาบทบาทผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน ESG bond underwriting ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 19%  โดยช่วยเหลือลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางความยั่งยืนให้กับองค์กรธุรกิจ และ SME มากกว่า 500 ราย ผ่านหลักสูตร ESG Academy และ ESG Symposium สุดยอดการประชุมสัมมนาด้าน ESG ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืน

และอีกหนึ่งโครงการด้านความยั่งยืนที่สำคัญ  คือ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยการนำเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานมาใช้ในกระบวนการทำงาน โครงการลดปริมาณขยะ และการใช้พลังงานทางเลือก

ขยายเครือข่ายในอาเซียน

ปัจจุบันเครือข่ายของกรุงศรีครอบคลุมประเทศต่าง ๆ ประกอบด้วย สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งให้บริการลูกค้ารวมกว่า 19 ล้านราย โดยในปี 2567 ได้เปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านคิวอาร์โค้ด (QR Cross-Border Payment) ให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ใน 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงใน สปป.ลาว ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น-อาเซียน ผ่านการจัดงานประชุมจับคู่ธุรกิจ Japan-ASEAN Startup Business Matching 2024 ที่ช่วยสร้างโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ ๆ ในภาคส่วนที่สำคัญหลายด้าน อาทิ HealthTech Fintech และ ESG

ปี 2568 มุ่ง Corporate Transformation ด้วยกลยุทธ์ ONE Krungsri

สำหรับปี 2568 กรุงศรีมุ่งเน้นการดำเนินงานในเรื่อง Corporate Transformation เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต ผ่านกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

• ONE Krungsri: กลยุทธ์การทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว มีความคล่องตัว และยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างหน่วยงานทั้งหมดภายในกรุงศรีและธุรกิจต่างๆ ในอาเซียน ธนาคารจึงได้ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจ เพื่อเสริมโอกาสในการเติบโตและขยายธุรกิจในภูมิภาค

• การขยายเครือข่ายในอาเซียน: สร้างความแข็งแกร่งให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน และโซลูชันการเงินดิจิทัล โดยกรุงศรีมุ่งเป้ายกระดับสถานะในภูมิภาคให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ขณะที่ยังสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนด้วย

• ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน: เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน กรุงศรีได้ตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน (Social and Sustainable Finance) ให้ถึง 250,000 ล้านบาทในปี 2573  โดยเดินหน้าให้การสนับสนุนลูกค้าผ่านโซลูชันการเงินเพื่อความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการการเงินสีเขียว

ลงทุนด้านบุคลากรและเทคโนโลยี

กรุงศรีมุ่งลงทุนในด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยกลยุทธ์ People Xcellence ที่สนับสนุนการพัฒนาความเป็นผู้นำให้กับบุคลากร การปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานภายในภูมิภาค  การลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลแบงก์กิ้ง การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) และการใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนานวัตกรรมที่ใช้ความต้องการของผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง ด้วยโซลูชันบริการทางการเงินแบบฝังตัวผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำ ช่วยให้ทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่น ลูกค้าใช้ชีวิตง่ายได้ทุกวันอย่างแท้จริง

“กรุงศรี ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลและการเติบโตที่ยั่งยืน โดยคาดว่าปี 2568 ยอดสินเชื่อจะเติบโตที่ 2-4% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.8-4.1% อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) จะอยู่ที่ 3.25-3.50% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost-to-income ratio) จะอยู่ในระดับ Mid-40s%” นายเคนอิจิ กล่าวสรุป