KBank Private Banking ผู้นำไพรเวทแบงก์ บริการบริหารความมั่งคั่ง ครอบคลุมโซลูชันการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ผ่านกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง สร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่ยั่งยืน เผยพอร์ต K-ALPHA รักษาระดับผลตอบแทนได้ดี สินทรัพย์นอกตลาดได้รับความสนใจ โดย 3 กองทุนเปิดใหม่ระดมทุนได้กว่า 3 พันล้านบาท เผยแนวโน้มการลงทุนในปี 2567 คงจุดเด่นกลยุทธ์โซลูชัน 4 เสาหลัก การลงทุนบนหลักการ Risked-based Asset Allocation การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก การลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงการลงทุนในปี 2566 ว่าตลาดหุ้นโลกปรับตัวสูงขึ้นกว่า 17% จากแนวโน้มการสิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei225) และสหรัฐฯ (S&P500) ปรับตัวสูงขึ้น 30% และ 21% ตามลำดับ ฝั่งสหรัฐฯก็ปรับตัวขึ้นดีจากหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent 7) ขณะที่ SET Index ของไทย ปรับตัวลงมากที่สุดประมาณ -15%
ซึ่ง KBank Private Banking แนะนำ K-ALPHA ที่พอร์ตหลัก (Core Portfolio) ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลกในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของนักลงทุนในระยะยาว ส่วนพอร์ตเสริม (Satellite Portfolio) จะบริหารเชิงรุกทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ และเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds) ให้ตอบรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดการเงิน ณ ขณะนั้น โดยในปี 2566 K-ALPHA ให้ผลตอบแทนดีขึ้นทั้ง 3 โมเดล ได้แก่ Conservative 1.5%, Moderate 1.4% และ Aggressive 1.3% โดยกลุ่มกองทุน K-ALLROADS Series ที่เป็นพอร์ตหลักสร้างผลตอบแทนเป็นลำดับต้นๆ ของกลุ่มกองทุนรวมผสมในประเทศไทย ขณะที่กองทุนเด่นในพอร์ตเสริมทั้งในส่วนของหุ้น ตราสารหนี้ และเฮดจ์ฟันด์ ได้แก่ TBRAND, UPINCM-N และ DAOL-FXALPHA-UI
สำหรับปี 2566 KBank Private Banking นำเสนอบริการผ่านกลยุทธ์โซลูชัน 4 เสาหลัก เพื่อบริหารความมั่งคั่งอย่างครบวงจร ประกอบด้วย
- Risk-based Asset Allocation นำโดยกองทุนเรือธง ที่มากับนวัตกรรมการลงทุนขับเคลื่อนอัตโนมัติ ที่เหมาะจะเป็นพอร์ตหลักให้นักลงทุน ประกอบด้วย 4 กองทุนตามระดับความเสี่ยง คือ K-ALLBASIC, K-ALLRD-UI, K-ALLGR-UI และ K-ALLEN-UI โดยในปีนี้ ทั้ง 3 กองทุน มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับกองทุนรวมผสมในประเทศไทย ทั้งในด้านผลตอบแทน (Return) ผลตอบแทนเมื่อปรับด้วยค่าความเสี่ยง (Risk-adjusted Return) และระดับผลการขาดทุนสูงสุด (Maximum Drawdown)
- Alternative Investment นวัตกรรมการลงทุนทางเลือกด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในสินทรัพย์นอกตลาด (Private Asset) ช่วยลดความผันผวนของการลงทุนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และยังสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มอีกด้วย โดยในปีนี้ KBank Private Banking ร่วมกับพันธมิตรนำเสนอกลยุทธ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนอสังหาฯ นอกตลาด กองทุนหุ้นนอกตลาดในกลุ่มธุรกิจที่เริ่มก่อตั้งกิจการ และกองทุนหุ้นจีนนอกตลาด เป็นต้น
- Sustainabiltiy Investment การลงทุนภายใต้แนวคิด โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากระบบเศรษฐกิจที่สร้างความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปสู่โลกที่ระบบเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ในสภาวะแวดล้อมที่สะอาดขึ้นและโลกที่ยั่งยืนขึ้น ซึ่งสร้างโอกาสในการลงทุนมูลค่ามหาศาล และตลาดทุนรวมทั้งนักลงทุนจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านนี้ ดังนั้น การลงทุนเพื่อความยั่งยืนจึงไม่ใช่เป็นเพียง ‘ทางเลือก’ ของการลงทุน แต่เป็น ‘ทางรอด’ ให้กับพอร์ตการลงทุนและโลกในอนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนขึ้น
- บริการที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการ 820 ครอบครัว คิดเป็น 39% ของลูกค้าไพรเวทแบงก์กิ้ง รวมทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการประมาณ 1.9 แสนล้านบาท โดยได้เพิ่มบริการแก้ไขความขัดแย้งของครอบครัว (Reconciliation Service) ในขณะที่บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ครอบคลุมมูลค่ารวม 4.2 แสนล้านบาท และมีลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ Land Loan for Investment เพื่อแปลงทรัพย์สินที่ดินมาเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 1.9 พันล้านบาท
“ปี 2566 เราให้บริการลูกค้าประมาณ 13,000 ราย สินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดกว่า 9 แสนล้านบาท และจากการส่งมอบโซลูชันบริหารความมั่งคั่งที่ครบวงจร ทำให้ธนาคารได้รับ 13 รางวัล จาก 12 สถาบันระดับสากลทั่วโลกการันตีและตอกย้ำความเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ชั้นนำของประเทศไทยในระดับสากล อาทิ รางวัล Best Private Bank ของประเทศไทยจากหลายสถาบันระดับโลก ทั้ง The Asset Triple A Private Capital Awards, Asia Money’s Private Banking Awards และ Global Private Banking Innovation รางวัลความก้าวหน้าด้านดิจิทัล เช่น Digital Private Banking of the Year – Thailand จาก The Asset Triple A: Digital Awards จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบการทำงาน สนับสนุนการให้บริการลูกค้าใช้เป็นช่องทางสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึง รางวัลด้านแคมเปญการตลาดที่มีความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน โดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จากความมุ่งมั่นในการผลักดันให้นักลงทุน สังคม และประเทศก้าวไปสู่การลงทุนอย่างยั่งยืน พร้อมกับนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
สำหรับทิศทางการลงทุน ปี 2567 KBank Private Banking ประเมิน 3 แนวโน้ม ได้แก่
1) เศรษฐกิจโลกจะเติบโตต่อในอัตราที่ชะลอลง โดยสหรัฐฯ สามารถเลี่ยงภาวะถดถอย ยุโรปค่อยๆ ฟื้นตัว ขณะที่จีนกำลังรอมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม
2) เงินเฟ้อจะลดลง ธนาคารกลางจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย และจะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 2 หรือครึ่งหลังของปี
3) ตลาดจะจับตาประเด็นการเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ รวมทั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้พอร์ตการลงทุนที่แนะนำคือ เงินลงทุนส่วนใหญ่ (50-70%) ให้ลงทุนเป็นพอร์ตหลักในกองทุนผสมแบบ Risk-based asset allocation และเงินลงทุนในพอร์ตเสริม (30-50%) ให้กระจายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งพันธบัตรและหุ้นกู้ เพราะดอกเบี้ยรับที่สูงกว่าอดีตและโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นเมื่อดอกเบี้ยในตลาดปรับลดลง ด้านตลาดหุ้นยังมีความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงควรเน้นกองทุนที่บริหารเชิงรุกในหุ้นเติบโตทั่วโลกและหุ้นเอเชียที่ราคาถูกกดดันมามากทั้งในตลาดหุ้นไทย จีน อินเดีย รวมทั้งเวียดนาม สำหรับ Hedge Funds ที่จะช่วยลดความผันผวนและสร้างผลตอบแทนที่ไม่อิงกับภาวะตลาด ควรเน้นสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลหลัก
“ปี 2567 ธนาคารยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการและสานต่อโซลูชัน 4 เสาหลัก ซึ่งเป็นโซลูชันที่สอดคล้องกับสภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจ เพื่อส่งมอบประโยชน์กับลูกค้ามากที่สุด โดยจะต้องถ่ายทอดความรู้สู่ลูกค้าในวงกว้าง เพื่อเปลี่ยนผ่านชุดความคิดและวิธีการบริหารจัดการทรัพย์สินแบบเดิมๆ ให้เก็บรักษาและปกป้องให้ทรัพย์สินไม่ให้สูญมูลค่าไป พร้อมกับการวางแผนสร้างการเติบโตและผลตอบแทนที่ดีในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในการส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน” นายจิรวัฒน์ กล่าวสรุป