กรุงไทยชี้ Green Technology ยกระดับอุตสาหกรรมน้ำตาลสู่สีเขียวอย่างยั่งยืน

0
27

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ชี้การลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียว ยกระดับอุตสาหกรรมน้ำตาลสู่สีเขียวอย่างยั่งยืน รับมือปัญหา Climate Change  ลดแรงกดดันมาตรการคู่ค้าที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในยุค Decarbonization คาดการลงทุนทำให้ ROI อยู่ที่ 20-30% ระยะเวลาการคืนทุนอยู่ที่ 3-7 ปี สร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมน้ำตาล 1.7 แสนล้านบาท

นายอภินันทร์ สู่ประเสริฐ นักวิเคราะห์อาวุโส  ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ส่งออกกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี  เป็นสัดส่วน 9% ของ GDP ภาคเกษตร แต่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษค่อนข้างสูง โดยปล่อย PM 2.5 สูงถึง 11% ของการปล่อย PM 2.5 ทั้งหมดของไทย และปล่อยก๊าซเรือนกระจก 9% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในภาคเกษตร

“อุตสาหกรรมน้ำตาลเผชิญความท้าทายจากปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและฝุ่น PM 2.5 จากกระบวนการเผาอ้อย การใช้พลังงานความร้อนจำนวนมากในกระบวนการผลิตน้ำตาล โดยการผลิตน้ำตาลทุกๆ 1 ตัน จะปล่อย Emission ราว 7,150 kgCO2eq หรือเทียบกับการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก 1 หมื่นกิโลเมตร รวมถึงมีของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต ประกอบกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ทวีความรุนแรง อาจส่งผลให้ปี 2589-2598 ผลผลิตอ้อยมีแนวโน้มลดลงราว 25-35% ผู้ประกอบการธุรกิจน้ำตาลไทยต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ”

นายกฤชนนท์ จินดาวงศ์ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า การปรับตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียวจะช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจน้ำตาลลดแรงกดดันจากมาตรการของคู่ค้า ลดต้นทุนจากการใช้พลังงาน สามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้นและมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง รวมถึงเพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากการต่อยอดไปสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน  อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากหน่วยงานรัฐและเอกชนที่ต้องการขับเคลื่อนไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว

“Green Technology จะเป็น Key enabler ที่ช่วยผู้ประกอบการธุรกิจน้ำตาลรายกลางที่ยังไม่มีการปรับตัว ให้เปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียวได้ง่ายขึ้น เช่น การใช้รถตัดอ้อยแทนการเผาอ้อย การใช้ Economizer Boiler ในโรงงานน้ำตาล หรือการต่อยอดไปสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล  ซึ่งหากประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน พบว่า มี ROI อยู่ที่ 21.0% 16.1% และ 27.1% ตามลำดับ มีระยะเวลาการคืนทุนอยู่ที่ 3-7 ปี และหากอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งหมด 63 โรง ยกระดับในการใช้เทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรมจะทำให้ได้ผลประโยชน์ราว 1.7 แสนล้านบาท จากความคุ้มค่าในแง่สิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดมลพิษทางอากาศและประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมถึงสร้างรายได้ส่วนเพิ่มให้แก่ธุรกิจ”

นายปราโมทย์ วัฒนานุสาร นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า หากอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยต้องการประสบความสำเร็จในการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนเทคโนโลยี และตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดได้ โดยมี Commitment ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงควรสร้างความร่วมมือกันใน Ecosystem ตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงภาครัฐ เพื่อการพัฒนาไปพร้อมกันทั้งอุตสาหกรรม

“หน่วยงานภาครัฐ ควรเป็นแกนหลักในการผลักดันให้อุตสาหกรรมน้ำตาลไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว เช่น การพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตของไทยให้ได้มาตรฐานระดับสากลอย่าง Gold Standard หรือ VERRA เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้รับประโยชน์จากตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับภาคการเงินกุญแจสำคัญที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการลงทุนใน Green Technology ให้มีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆจากการเปลี่ยนผ่านด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยให้ปรับตัวไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน”