ทิสโก้ เปิด 3 ธีมกองทุน ฟันกำไรครึ่งปีหลัง รับดอกเบี้ยขาลง เศรษฐกิจฟื้น 

0
19

ธนาคารทิสโก้เปิด 3 ธีมกองทุน โอกาสสร้างกำไรครึ่งปีหลังช่วงดอกเบี้ยขาลงเศรษฐกิจฟื้น 1.ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) จีน เวียดนาม อินเดีย และไทย .กลุ่มหุ้นเติบโตสูง (Growth Stocks)  ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ AI และ กลุ่มพลังงานสะอาด  3. ธีมตราสารหนี้โลก (Global Bonds)      

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ Head of Wealth Advisory ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งหลังของปี 2567อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวเป็นขาลง และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เป็นผลบวกกับหุ้น  จึงแนะนำให้ลูกค้าเลือกลงทุนใน 3 ธีมกองทุนหลัก คือ

1. ธีมการลงทุนตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market : EM)  

ตลาดหุ้นกลุ่มนี้มีโอกาสสร้างกำไร 20-25% สูงกว่าตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market :DM) ที่มีโอกาสสร้างกำไร 10%  ซึ่งตามการประเมินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองว่าเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ EM จะเติบโต 4.2% มากกว่า DM ที่เติบโต 1.7%  อีกทั้งนักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนกลุ่ม EM ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเติบโตสูงถึง 19.4%  ขยายตัวดีกว่าหุ้นกลุ่ม DM ที่เติบโตอยู่ที่ 5.9% นอกจากนี้ มูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับน่าสนใจโดยมีระดับอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นใน 12 เดือนข้างหน้า (Forward P/E) ที่ 12.2 เท่า น้อยกว่าตลาดหุ้น DM ที่อยู่ในระดับ 18.3 เท่า   

โดยประเทศในกลุ่ม EM ที่น่าสนใจมี 4 ประเทศ คือ  

1) อินเดีย ประเทศที่เศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลก โดย IMF คาดการณ์ว่าขนาดของเศรษฐกิจอินเดียจะใหญ่แซงหน้าประเทศญี่ปุ่นขึ้นเป็นอันดับ 4 ของโลกภายในปี 2568  ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 2567 จะเติบโต 7.8% เมื่อเทียบปีก่อน (YoY) และคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเติบโต 9.7%   

2) จีน รัฐบาลจีนเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและออกนโยบาย อาทิ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR), ปรับลดอัตราส่วนสำรองของธนาคาร (RRR), ออกวงเงินกู้ยืมให้บริษัทของภาครัฐเพื่อนำเงินไปซื้ออสังหาฯ  โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์เศรษฐกิจปี  2567 อยู่ที่ 4.94% YoY มีมูลค่าตลาดหุ้นถูกโดยซื้อขายที่ระดับ Forward P/E  ที่ 11.30 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 12.3 เท่าและคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเติบโต 20.7%  

3) เวียดนาม เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) การส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่ตลาดหุ้นกำลังอัพเกรดเป็น EM ทำให้ดัชนีมีโอกาสขึ้นไปซื้อขายในระดับที่สูงขึ้นจากกระแสเงินทุนต่างชาติ โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์เศรษฐกิจปี 2567 โต 5.85% YoY และมูลค่าตลาดหุ้นยังถูก โดยซื้อขายที่ระดับ Forward P/E ที่ 10.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 12.7 เท่าและคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเติบโตสูงถึง 32.6%   

4) ไทย เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังจากการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยว โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่าเศรษฐกิจปี 2567 จะเติบโต 2.80% YoY ขณะที่มูลค่าตลาดหุ้นถูกโดยมีระดับ Forward P/E ที่ 13.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 15.5 เท่า ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอาจเติบโต 8.6%   

2. ธีมหุ้นเติบโตสูง (Growth Stocks)   

ช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว หุ้นเติบโตจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ ซึ่งธนาคารทิสโก้แนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มเมกะเทรนด์ (Megatrends) 2 กลุ่ม คือ   

1)หุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เกือบทุกธุรกิจทั่วโลกต้องการใช้งานเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรครั้งใหม่ (New S Curve) รวมถึงกลุ่มบูรณาการที่จะสนับสนุนการใช้งาน AI ไม่ว่าจะเป็น Cloud ,Cybersecurity   ที่จะเติบโตควบคู่ไปด้วย โดย Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าว่าเติบโตกว่า +17.4% YoY  

2) หุ้นกลุ่มพลังงานสะอาด (Renewable energy) อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงไปยังแหล่งพลังงานสะอาด ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากนโยบายของรัฐบาลทั่วโลกที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และได้รับแรงหนุนจาก AI และ Data Center ที่ใช้พลังงานสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะเติบโต +11.1% YoY   

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจาก Bloomberg พบว่าหุ้นทั้งสองกลุ่มข้างต้นมีโอกาสสร้างกำไรประมาณ 15- 25%    

3. ธีมตราสารหนี้โลก (Global Bonds)  

สำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำให้ลงทุนต่อในตราสารหนี้โลก ซึ่งได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยเพิ่งเริ่มเป็นขาลง และในปีหน้าเป็นเทรนด์ดอกเบี้ยขาลงชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลงจะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าที่ลงทุนในตราสารหนี้ช่วงนี้ได้รับกำไรจากราคาหน้าตั๋วที่เพิ่มขึ้น โดยหากเข้าลงทุนในช่วงนี้มีโอกาสกำไรในช่วง 12 เดือนข้างหน้าราว 6-8%      

สนใจอัปเดตกลยุทธ์การลงทุน ติดตามได้ที่ www.tiscowealth.com  หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสาร TISCO Advisory ผ่านช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ Youtube: TISCO Advisory, Instagram: TISCO Advisory, Line: @TISCOAdvisory และ Facebook :TISCO Advisory