เคทีซี สื่อกลางสมาชิกกับ 60 องค์กรการกุศล บริจาคออนไลน์ช่วยเหลือสังคมรับวิถีโควิด-19

0
117

เคทีซีปรับแผนธุรกิจหมวดบริจาครับวิถีใหม่ วางตัวเป็นสื่อกลางระหว่างสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีและพันธมิตรองค์กรการกุศลกว่า 60 แห่ง เพื่อร่วมกันช่วยเหลือสังคมในหลากหลายมิติ พร้อมเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มช่องทางการบริจาค ออฟไลน์ ออนไลน์ และโมบายแอปพลิเคชั่น “KTC Mobile” ล่าสุดเปิดรับบริจาคด้วยบัตรเครดิตผ่าน QR Pay และแลกคะแนนผ่าน QR Point ทางแอปฯ KTC Mobile เพื่อให้สมาชิกเข้าถึงการบริจาคได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการเดินทางและลดการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้อำนวยการ – ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เคทีซีทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์สนับสนุนโครงการและกิจกรรมต่างๆ ระหว่างมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลต่างๆ กว่า 60 แห่ง กับสมาชิก พร้อมทั้งเปิดช่องทางรับบริจาคผ่านบัตรเครดิตให้กับสมาชิกเคทีซี โดยปี 2563 มียอดบริจาคผ่านบัตรเครดิตเคทีซีด้วยคะแนน KTC FOREVER กว่า 50 ล้านคะแนน ยอดเงินบริจาครวม 300 ล้านบาท

สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มูลนิธิและองค์กรการกุศลต่างๆ ได้รับการสนับสนุนจากสังคมลดน้อยลง เคทีซีจึงตั้งใจพัฒนาแพลตฟอร์มช่องทางการบริจาค ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และโมบายแอปพลิเคชั่น โดยล่าสุดได้พัฒนาช่องทางออนไลน์ ด้วยฟังก์ชันการบริจาคผ่านบัตรเครดิตด้วย QR Pay การบริจาคด้วยคะแนนผ่าน QR Point โดยแลกคะแนนผ่านแอปฯ “KTC Mobile” เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกเคทีซีสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมได้ง่ายขึ้น

“ เคทีซีต้องเร่งให้ความร่วมมือกับมูลนิธิต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในหลากหลายรูปแบบได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้กักกันตน โรงพยาบาลที่ขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือการสร้างศูนย์พักคอยรองรับผู้ป่วยสีเขียวในต่างจังหวัด โดยถือเป็นภาระเร่งด่วนที่สุดในการประสานกับมูลนิธิต่างๆ  ที่เกี่ยวข้อง และเปิดช่องทางให้สมาชิกเคทีซีสามารถเข้าถึง เพื่อเสริมแรงสนับสนุน และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม”

ดร. บรรจงเศก ทรัพย์โสภา ผู้อำนวยการมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกเคทีซีค่อนข้างมาก ในรูปแบบของเงินบริจาคผ่านบัตรเครดิต และการบริจาคผ่านการแลกคะแนน และในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19  มูลนิธิฯได้จัดตั้งศูนย์พักคอยชุมชนและแยกกักกันในต่างจังหวัดเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะส่วนใหญ่ศูนย์พักคอยมักจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ หรือในเขตเมือง ปัจจุบันเรามีศูนย์ฯ ที่สนับสนุนอยู่ในต่างจังหวัดทั้งหมด 37 แห่ง และกำลังจะสนับสนุนเพิ่ม 16 แห่ง แต่ยังขาดแคลนด้าน เวชภัณฑ์ อาหาร และสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วยมาก

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 สภากาชาดไทยได้รับผลกระทบในหลายด้าน ได้แก่ 1.บริการทางการแพทย์ บุคลากรและอุปกรณ์การแพทย์ไม่เพียงพอ 2. บริการโลหิต เกิดภาวะวิกฤตประชาชนไม่มั่นใจที่จะมาบริจาคเพราะห่วงความปลอดภัย 3. การหารายได้เข้ามูลนิธิไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากประชาชนมีกําลังในการบริจาคลดลง ซึ่งการเพิ่มยอดรับบริจาคผ่านช่องทางของเคทีซี  ทำให้การช่วยเหลือเข้าถึงได้อย่างมาก

“สภากาชาดไทยมีโครงการจัดครัวเคลื่อนที่ ทําอาหารปรุงสุกให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การแจกชุดธารน้ำใจให้ผู้กักตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ผู้ติดเชื้อโควิด และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิดของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมถึง Hospitel และ Home Isolation เฉลี่ยวันละ 800-900 ราย รวมถึงสร้างหอผู้ป่วยสนามเร่งด่วนและจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด ทั้งนี้สมาชิกเคทีซีสามารถร่วมบริจาคด้วยการแลกคะแนนสะสมเป็นเงินบริจาค นอกเหนือจากการบริจาคด้วยบัตรเครดิต เพื่อร่วมสมทบทุนเข้าโครงการต่างๆ ของสภากาชาดไทย โดยสามารถติดตามข่าวสารของสภากาชาดไทยผ่านเคทีซีในทุกๆ ช่องทางได้อีกด้วย”

นางสาวจุฑารัตน์ วิบูลสมัย ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาแหล่งทุน มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม กล่าวว่า มูลนิธิร่วมเป็นพันธมิตรกับเคทีซี ในการรับบริจาคผ่านบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พ.ศ. 2557 รวมทั้งพนักงานเคทีซียังได้ร่วมเป็นจิตอาสาประกอบแฟ้มผู้ป่วย เพื่อใช้เก็บประวัติข้อมูลผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ที่จะเข้ารับการผ่าตัด  ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิดทำให้ม่สามารถออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การผ่าตัดที่ต่างจังหวัดได้  อย่างไรก็ตาม ยังดำเนินการ “โครงการผ่าตัดแบบต่อเนื่อง” โดยให้งบสนับสนุนกับโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ ที่มีศัลยแพทย์ สามารถผ่าตัดผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีโครงการ “Smile Box” กล่องแห่งรอยยิ้ม ซึ่งบรรจุผ้าอ้อมเด็ก นมผง หน้ากากอนามัย อุปกรณ์การเรียน แผ่นพับที่ให้ความรู้ในการดูแลเด็ก และขวดนมที่มีลักษณะยาวพิเศษสำหรับเด็กปากแหว่งเพดานโหว่”

นางสาวอรุณี อัชชะกุลวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการแผนกส่งเสริมความร่วมมือภาคเอกชน UNHCR กล่าวว่า  สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติก่อตั้งมายาวนานถึง 70 ปี โดยมีบทบาทให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่มีเหตุการณ์ในประเทศ เช่น สงคราม หรือความขัดแย้งทำให้ไม่สามารถอยู่ในประเทศตนเองได้ ซึ่งตอนนี้มีจำนวนถึง 82.4 ล้านคนทั่วโลก ปัจจุบันทำงานใน 135 ประเทศ และร่วมงานกับประเทศไทยมานาน 46 ปี

จากสถิติผู้ลี้ภัยตกอยู่ในสถานะนี้โดยเฉลี่ยถึง 17 ปี การบริจาคต่อเนื่องจะช่วยให้มีงบประมาณในการช่วยชีวิตผู้ลี้ภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นช่วยกลุ่มที่เปราะบางเพราะ 80% คือผู้หญิงและเด็ก ซึ่งช่องทางการบริจาคผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเป็นวิธีที่ง่าย แต่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน



ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่