กรุงไทย จัด CIO Forum 2025 เจาะลึกเศรษฐกิจไทย

0
27

ธนาคารกรุงไทย จัดสัมมนา  “CIO Forum 2025 : Reshaping Investment Paradigm” เปิดมุมมอง เศรษฐกิจ และการลงทุนแบบเจาะลึก ทั้ง ทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจไทย  ความท้าทายจากสถานการณ์การค้าโลก และพัฒนาการของเทคโนโลยี AI พร้อมกลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุน สร้างความมั่นคงทางการเงิน

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2025 จะเติบโต 2.3 – 3.3% จากแรงขับเคลื่อนรายจ่ายภาครัฐ อุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัวจากการท่องเที่ยว  การส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แนวนโยบายของทรัมป์ที่จะยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้าเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ ผลักดันให้ภาครัฐต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับภาคการเงิน จากการเติบโตของสินเชื่อที่ต่ำ และความเสี่ยงด้านหนี้เสีย โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเปราะบาง และผู้ที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งธนาคารให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง และร่วมกับภาครัฐออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น โครงการ “คุณสู้ เราช่วย”  

ขณะที่ผลการดำเนินงานของภาคธนาคาร ในมุมมองของนักลงทุนยังสะท้อนถึงความเปราะบาง โดย P/B Ratio อยู่ที่ 0.7 ซึ่งยังคงต่ำกว่า 1 ต่อเนื่อง รวมทั้งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ 1.4 และต่ำกว่าธนาคารในภูมิภาคอื่นๆ อย่างมาก และภาพคล้ายๆ กันก็คือ ประมาณ 60% ของจำนวนบริษัทที่จดทะเบียนทั้งหมดใน SET มี P/B Ratio ต่ำกว่า 1 เช่นกัน 

ประเทศไทยต้องเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงยิ่งขึ้น จากทั้ง Global Regional และ  National เมกะเทรนด์หลายประการ เช่น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาเทคโนโลยี และสังคมผู้สูงอายุ เศรษฐกิจนอกระบบสูง หนี้ครัวเรือนสูง หนี้สาธารณะสูง ความเหลื่อมล้ำสูง  Trump Impact ความสามารถในการแข่งขันต่ำ ease of doing business 

“ด้วยปัจจัยดังกล่าว  ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการปรับตัว โดยพัฒนากลยุทธ์ และผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ ท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจ และโลกการลงทุนที่เปลี่ยนไป เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติของการลงทุน ซึ่งการจัดงานสัมมนา “Reshaping Investment Paradigm” เปิดโลกทัศน์ใหม่แห่งการลงทุน เพื่อให้ลูกค้า ประชาชนได้รับทราบถึงทิศทางเศรษฐกิจ การลงทุน ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีข้อมูลที่รอบด้านเพียงพอ และทันต่อสถานการณ์ในการวางแผนและรักษาความมั่งคั่งของพอร์ตลงทุนอย่างยั่งยืน”

ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยทิศทางของสงครามการค้าว่า สงครามการค้ารอบใหม่ หรือ Trade War 2.0 แตกต่างจาก Trade War รอบแรก โดยทรัมป์มีแนวโน้มจะกีดกันทางการค้ากับทุกประเทศคู่ค้าที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ รวมทั้งประเทศไทย ต่างจากรอบแรกที่เน้นการเก็บภาษีไปที่จีน

ดร.มานะ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการฝ่าย Chief Investment Office ธนาคารกรุงไทย กล่าวเสริมว่า การที่สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศคู่ค้า ซึ่งมีสาเหตุมาจากสงครามการค้ารอบแรกที่มุ่งเน้นเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเป็นหลักนั้น ไม่ได้ส่งผลเสียกับจีนมากเท่าที่สหรัฐฯคาดการณ์  เนื่องจากจีนมีการ Relocation การผลิตไปยังประเทศอื่น โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งส่งผลดีกับเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนไปด้วย ดังนั้น สงครามการค้ารอบนี้มีโอกาสที่ทรัมป์จะเก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศคู่ค้า และทำให้ผลกระทบกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนและคู่ค้าหลัก อาจสูงกว่าในรอบก่อน

ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ ViaLink และ Siametrics Consulting ให้มุมมองเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI  โดยย้ำว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการกำเนิดของระบบเศรษฐกิจอัจฉริยะที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม และการปฎิวัติ AI นี้ต่างจากการปฏิวัติเทคโนโลยี ครั้งก่อนๆ ที่เป็นการเพิ่มต้นทุน แต่ AI นั้นมาพร้อมกับการลดต้นทุนและการเพิ่มขีดความสามารถไปพร้อมกัน

นายประมุข มาลาสิทธิ์ Head of Chief Investment Office ธนาคารกรุงไทย และMr. Matthew Quaife Global Head of Multi Asset Investment Management จาก Fidelity International ให้มุมมองการลงทุน ปี 2025 ว่ามี 6 ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือ เศรษฐกิจโลกยังแข็งแกร่ง ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคุกรุ่น เงินเฟ้อในแต่ละภูมิภาคที่แตกต่าง ความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ที่กลับมาเป็นปกติ เศรษฐกิจยุโรปเปราะบาง และการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีน

ทั้งนี้ มองว่า ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 นำโดย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่การปรับขึ้นในรอบนี้จะขยายตัวไปในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งมีมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ  และแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น สำหรับตลาดเกิดใหม่ เห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นจีน และอินเดีย ด้านตราสารหนี้ มีมุมมองให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) บอนด์ยีลด์ทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่ตราสารหนี้ High Yield ของสหรัฐฯ และตราสารหนี้เอกชนยุโรปยังน่าสนใจ ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ มองว่า ราคาทองคำจะสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกรอบ มีปัจจัยหนุนจากธนาคารกลางตลาดเกิดใหม่ และมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางหลายแห่งตลอดปี 2025