กลุ่มทิสโก้ เดินหน้ายุทธศาสตร์ธุรกิจยั่งยืน ปี 2568 ยกระดับประสิทธิภาพการทำงานทุกมิติ

0
23

กลุ่มทิสโก้ เดินหน้ายุทธศาสตร์ธุรกิจยั่งยืน (Sustainable Focus) จัดทัพรับความท้าทายปี 2568 ยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ  ทั้งคุณภาพสินเชื่อ การบริหารจัดการหนี้และดูแลลูกหนี้ ยกระดับบริการที่ปรึกษาทางการเงิน เสริมศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัล บริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน เพื่อลูกค้ามี Wealth Span ที่สอดคล้องกับ Health Span อย่างยั่งยืน  เผยผลประกอบการปี 2567 กำไรสุทธิ 6,901 ล้านบาท

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ว่า ความท้าทายสูงจากความไม่แน่นอน จากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ อาทิ นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง และคุณภาพลูกหนี้ที่ถดถอย แม้ว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและมาตรการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” จะบรรเทาภาระหนี้กลุ่มเปราะบาง แต่ไม่สามารถสร้างการเติบโตในวงกว้าง ดังนั้นกลุ่มทิสโก้ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบในทุกมิติ  โดยเดินหน้ายุทธศาสตร์ธุรกิจยั่งยืน (Sustainable Focus) บริหารจัดการในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มประสิทธิภาพด้านสินเชื่อ

-ธุรกิจสินเชื่อรายย่อย มีสัดส่วนราว 70% ของสินเชื่อรวม ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสอง รถจักรยานยนต์ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ “สมหวัง เงินสั่งได้” ซึ่งในปีนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของสาขา โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการแก่กลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ  ให้ความช่วยเหลือดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และนำเทคโนโลยีมาช่วยคัดกรองลูกค้า พร้อมขยายบริการสินเชื่อบ้านและที่ดินแลกเงินไปยังสาขา สมหวัง เงินสั่งได้ จากปัจจุบันที่ให้บริการเฉพาะสาขาธนาคาร

-ธุรกิจสินเชื่อลูกค้าขนาดใหญ่ (Corporate Banking) มุ่งเน้นเติบโตในกลุ่มที่ทิสโก้มีความชำนาญ และขยายไปยังกลุ่มธุรกิจกระแสใหม่ (S-Curve) ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี (SME) จะขยายวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน (Floor Plan) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า พร้อมมองหาโอกาสการเติบโตในธุรกิจใหม่ ๆ

“ปีนี้เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายรอบด้าน  การปล่อยสินเชื่อต้องรอบคอบและพิจารณาความเสี่ยงอย่างเหมาะสม พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ และช่วยเหลือลูกหนี้ในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” พร้อมขยายบริการไปยังสินเชื่อบ้านและที่ดินแลกเงิน  และหาโอกาสในการเติบโตใหม่ๆ จากกลุ่มธุรกิจที่ยังคงมีศักยภาพในการเติบโต”

การเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัล

กลุุ่มทิสโก้ เดินหน้ายกระดับให้บริการทางการเงินอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาวางโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กร ให้ขับเคลื่อนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการวิเคราะห์และใช้ข้อมูล (Data Analytics) ในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เข้าใจพฤติกรรมและโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงสร้างนวัตกรรมที่จะยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ตรงจุด สะดวก เข้าใจง่าย และครบวงจร

นอกจากนี้ จะเร่งภารกิจ Culture of Innovation พัฒนาศักยภาพของพนักงานให้เชี่ยวชาญทั้งด้านการเงิน การลงทุน และก้าวทันเทคโนโลยี นำไปสู่เป้าหมายที่เกิดขึ้นจริงและวัดผลได้ คือ การเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และเสริมศักยภาพการให้บริการ

กลยุทธ์การสร้างรายได้ค่าธรรมเนียม

นายเมธา ปิงสุทธิวงศ์ กรรมการอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า ธุรกิจธนบดีและตลาดทุน ให้คำปรึกษาทางการเงินแบบองค์รวม ครอบคลุมทั้งบริการที่ปรึกษาการเงิน การลงทุน ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ การวางแผนเกษียณ และการวางแผนมรดก เพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนในระยะยาวและเหมาะสมกับความต้องการตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า

ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) มุ่งเน้นยกระดับบริการการวางแผนการเงินให้มีประสิทธิภาพขึ้น โดยจับมือกับพันธมิตร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 14 แห่ง และบริษัทประกัน 11 แห่ง เพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายโดยไม่จำกัดค่าย ควบคู่กับการให้คำแนะนำที่ผสานระหว่างที่ปรึกษาทางการเงินและโปรแกรมวางแผนการเงิน TISCO My Goal

ธุรกิจบริหารจัดการกองทุน (Asset Management) มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอแก่ลูกค้า พร้อมขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล และ Agent Network รวมถึงต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการไปในกลุ่มกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)

ธุรกิจหลักทรัพย์ (Securities Brokerage) เพิ่มโอกาสการลงทุนที่ง่ายและสะดวกให้กับลูกค้า พร้อมกระจายรายได้จากการให้บริการใหม่ ๆ โดยนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ ร่วมกับการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ลูกค้า

ธุรกิจประกันภัย (Bancassurance) มุ่งพัฒนาและคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในเชิงลึก ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบริษัทพันธมิตรประกันภัยชั้นนำ โดยที่บริษัทจะคำนึงถึงความเหมาะสมกับความเสี่ยงและสถานะทางการเงินของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงจุด สามารถช่วยลูกค้าบริหารความเสี่ยง และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

ปี 2567 กำไร 6,901 ล้านบาท ลดลง 5.5%

จากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต

นายชาตรี จันทรงาม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยงกลุ่มทิสโก้ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2567 ว่า มีกำไรสุทธิ 6,901 ล้านบาท อ่อนตัวลง 5.5% จากปีก่อน เนื่องจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.6% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เพื่อรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

ขณะที่รายได้รวมจากการดำเนินงานดีขึ้น 2.3% รายได้ดอกเบี้ยสุทธิทรงตัว จากผลตอบแทนของเงินให้สินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ แม้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นเกือบ 30% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโต 8.4% จากการรับรู้กำไรจากเงินลงทุน การขยายตัวของธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน โดยเฉพาะธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และรายได้ธุรกิจวาณิชธนกิจจากการเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO

อย่างไรก็ตาม ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ชะลอตัว จากรายได้นายหน้าประกันภัยที่ลดลงตามยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่  และค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อ่อนตัวลง จากปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ซบเซา ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 0.9% จากการลดลงของค่าใช้จ่ายพนักงาน อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) งวดปี 2567 อยู่ที่ 16.1%

โดยเงินให้สินเชื่อรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวน 232,200 ล้านบาท ลดลง 1.1% จากสิ้นปี 2566 จากการชะลอตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ ซึ่งเป็นไปตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่หดตัวลงกว่า 27%  ขณะที่บริษัทยังคงนโยบายการขยายสินเชื่อในกลุ่มสินเชื่อบรรษัทขนาดใหญ่ และสินเชื่อรายย่อยที่มีอัตราผลตอบแทนสูง ได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยเพิ่มความรอบคอบและระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ในสภาวะที่เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง

ด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 2.35% ของสินเชื่อรวม ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า โดยยังคงมุ่งเน้นการติดตามดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด บริหารความเสี่ยงที่รัดกุม ด้วยระดับค่าเผื่อสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 155.3%