ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการปรับปรุงประกาศเรื่องการลงทุนฯ โดยได้ผ่านความเห็นชอบของบอร์ด คปภ. และปลัดกระทรวงการคลังในฐานะประธาน คปภ. ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่อง การลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันชีวิต/บริษัทประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2563 แล้วเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2563 ซึ่งมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ใช้ศักยภาพของระบบประกันภัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การมีส่วนร่วมในการรับมือกับภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและค่าเงินบาทแข็ง
การปรับปรุงประกาศดังกล่าว ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีการประชุมหารือ กับหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.) สมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย รวมทั้งการรับฟังความเห็นผ่านทางเว็บไซต์จากสำนักงาน คปภ. และร่วมหารือในการประชุมหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังด้วย
สำหรับวัตถุประสงค์ของการปรับปรุงประกาศการลงทุนในครั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับธุรกิจประกันภัยไทย โดยเปิดโอกาสให้บริษัทประกันภัยลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและค่าเงินบาทแข็งค่า ด้วยต้นทุนการลงทุนที่ลดลง สามารถลงทุนได้หลากหลายขึ้น และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยง รวมถึงภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัย โดยบริษัทประกันภัยมีการลงทุนเต็มเพดาน จะช่วยเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยไม่ต่ำกว่า 1.33 ล้านล้านบาท เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งในกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ สาธารณสุข และเทคโนโลยี ส่วนในภาคประชาชนก็จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตอีกทางหนึ่ง ส่วนผู้เอาประกันภัยก็ได้รับผลประโยชน์จากการประกันภัยดีขึ้น
ประกาศการลงทุนที่มีการแก้ไขปรับปรุงนี้มีสาระสำคัญ 5 ประการ คือ ประเด็นแรก เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศของธุรกิจประกันภัยเป็นร้อยละ 30 ของสินทรัพย์ลงทุน จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 15 เป็นการเพิ่มทางเลือกในการบริหารสินทรัพย์ของธุรกิจให้สอดคล้องกับหนี้สินและภาระผูกผันที่มีต่อผู้เอาประกันภัย (Asset-Liability Management) ให้กับธุรกิจประกันชีวิต และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจประกันภัยไทยสร้างกำไรจากการลงทุนได้มากขึ้น
ประการที่ 2 เพิ่มประเภทของสินทรัพย์ลงทุน โดยอนุญาตให้บริษัทประกันภัยสามารถลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ใบทรัสต์ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือหน่วยของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ที่จดทะเบียนในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยขยายสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนดังกล่าวจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 ของสินทรัพย์ลงทุน เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และลดการกระจุกตัวในการลงทุนของธุรกิจประกันภัย
ประการที่ 3 ขยายโอกาสในการลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันภัยให้บริษัทสามารถลงทุนในตราสารทุนของธุรกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบกิจการสถานพยาบาล โรงพยาบาลหรือกิจการที่เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง (Long-term care) ในประเทศไทย โดยกำหนดมูลค่าการลงทุนรวมไม่เกินร้อยละ 10 ของสินทรัพย์ลงทุน ภายใต้วัตถุประสงค์การรองรับสังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพ หรือลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ เกิด ecosystem ในอุตสาหกรรมประกันภัยไทย
ประการที่ 4 เพิ่มทางเลือกให้บริษัทประกันภัยสามารถลงทุนในกิจการที่ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจประกันภัย รองรับ Digital Disruption ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบในการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมประกันภัยไทย มูลค่าของการลงทุนไม่เกินร้อยละ 3 ของสินทรัพย์ลงทุน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย และอีกนัยหนึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัท Startup สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับมหภาค และ
ประการที่ 5 ได้ผ่อนปรนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยให้บริษัทดำเนินการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามระดับความมั่นคงของฐานะการเงินของบริษัทประกันภัย เพื่อให้เกิดความสะดวกและยืดหยุ่นในการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งหากบริษัทมีสัดส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนต่ำกว่าร้อยละ 250 ผ่อนปรนให้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างน้อยร้อยละ 75 หากสัดส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตั้งแต่ร้อยละ 250 แต่ไม่ถึงร้อยละ 380 ให้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และหากสัดส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตั้งแต่ร้อยละ 380 ขึ้นไป บริษัทสามารถบริษัทป้องกันความเสี่ยงจากการอัตราแลกเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ให้แจ้งรายละเอียดการป้องกันความเสี่ยงให้นายทะเบียนทราบในรายงานผลการดำเนินงานและฐานะการเงินที่จัดส่งให้นายทะเบียนประจำงวด
“ประกาศฉบับนี้เป็นประกาศที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกาศ คปภ. เรื่องการลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันชีวิต/บริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2556 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนของบริษัทประกันภัย โดยได้ขยายสัดส่วนและเพิ่มประเภทสินทรัพย์ที่อนุญาตให้บริษัทประกันภัยลงทุนได้ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ภาคธุรกิจประกันภัยสามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตามเพื่อมิให้กระทบต่อความมั่นคงทาง
การเงินของบริษัท ประกาศการลงทุนยังคงกำหนดให้บริษัทประกันภัยต้องมีการติดตาม ควบคุม ดูแล โดยคำนึงถึงความมั่นคง สถานะทางการเงิน การดำเนินงานของบริษัท รวมถึงหลักธรรมาภิบาลและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย