ทิสโก้ Health Protection Advisory ตอบทุกโจทย์การประกันสุขภาพ

0
96

จากสถิติองค์การอนามัยโลกระบุว่าปี 2559 กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคไตเรื้อรัง ฯลฯ เป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตของคนทั่วโลกมากกว่า 40.5 ล้านคนต่อปีหรือคิดเป็น 71%

ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข,2563 เปิดเผยว่าโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นสาเหตุ หลักของการเสียชีวิต 75% ของการเสียชีวิตทั้งหมดของคนไทย หรือประมาณ 320,000 คนต่อปี โดยในทุก 1 ชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิต 37 ราย และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลปรับสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว  แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญการประกันสุขภาพในระยะยาว  ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงทางการเงิน  โดยเฉพาะการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงช่วงหลังเกษียณโดยไม่มีประกันสุขภาพ

หรือกรณีที่มีกรมธรรม์ประกันสุขภาพแล้ว ส่วนใหญ่มักไม่ได้ศึกษารายละเอียดและข้อจำกัดต่างๆว่าสามารถตอบโจทย์ตรงตามความต้องการหรือไม่

ประกันสุขภาพคือผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

นายพิชา รัตนธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยนความคิดคนไทย ให้มองการประกันสุขภาพเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นคงทางการเงิน  ไม่ใช่สินค้าอุปโภค-บริโภค ที่เลือกซื้อเพียงเพราะคุ้นชินและเชื่อมั่นในแบรนด์  แต่เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สำคัญ ต้องคัดเลือกให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการโดยแท้จริง

โดยทิสโก้  เดินหน้าให้บริการ ที่ปรึกษาแนะนำด้านประกันสุขภาพ (Health Protection Advisory)  ด้วยพนักงานธนาคาร ที่มีใบอนุญาตนักวางแผนทางการเงิน(CFP) จำนวน  70-80 คน ให้บริการแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับลูกค้า และคาดว่าสิ้นปี 2564  พนักงานสาขาทั้งหมด 250 คน จะมีใบอนุญาต CFP ครบ 100% ทั้ง  60 สาขาทั่วประเทศ

“ทีมงาน Advisiory  มีความเชี่ยวชาญ แม้ไม่ใช่เจ้าของผลิตภัณฑ์ แต่เรารู้ว่าแบบไหนเหมาะสมกับลูกค้าที่สุด และเพราะอะไร  เนื่องจากเราทำงานร่วมกับบริษัทประกันมาตลอด”

ปัจจุบันการประกันสุขภาพสำคัญและจำเป็นมาก  โดยตัวเร่งคือค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล จากนวตกรรมที่ทันสมัย ทำให้แบบประกันสุขภาพเดิมๆที่เคยขายพ่วงกับประกันชีวิตไม่เพียงพอ  รวมทั้งที่ผ่านมายังไม่มีการรวบรวมข้อมูลประกันสุขภาพมาประมวลผลเพื่อบริการ   ทิสโก้ จึงนำ Platform   Open Architecture หรือการนำเสนอผลิตภัณฑ์โดยไม่จำกัดค่าย  ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้าน Investment  มาบุกตลาดประกันสุขภาพ

“ ทิสโก้ เป็นธนาคารเดียวที่ทำ Open Architure การประกันสุขภาพ ผมทำเหมือนกองทุนรวม คือมีโพรดักส์มากมาย  โดยทีมงานจะพูดคุยและให้คำแนะนำว่าพอร์ตแบบไหนเหมาะสมกับลูกค้า   เพราะประกันสุขภาพไม่ใช่สินค้าอุปโภค บริโภค  ดังนั้นการซื้อประกันสุขภาพต้องเปลี่ยนแนวความคิด ต้องคิดให้เหมือนซื้อหุ้นหรือกองทุนรวม” นายพิชากล่าว

ซื้อประกันสุขภาพอย่างไรให้ตอบโจทย์

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่สาขาธนาคารทิสโก้ทั่วประเทศ  จะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญช่วยวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ประกันที่ดีที่สุด ในแต่ละประเภทจากบริษัทประกันชั้นนำมานำเสนอให้กับลูกค้าได้อย่างไม่จำกัดค่าย (Open Architecture)

โดยวิธีการเลือกประกันสุขภาพให้ได้ประโยชน์ ควรพิจารณารายละเอียดอย่างรอบด้าน ประกอบด้วย

1.วงเงินความคุ้มครอง  ขั้นต่ำราว 3 – 5 ล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลทั้งโรคทั่วไปและโรคร้ายแรง และสามารถรักษาในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำได้   โดยความคุ้มครองแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

  • แบบเหมาจ่ายต่อปี เป็นแบบประกันที่ค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปหักออกจากวงเงินความคุ้มครองต่อปี เมื่อมีการเบิกเคลมค่ารักษาพยาบาล เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำประกันสุขภาพเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคเดียวกันที่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้ระยะเวลารักษานาน
  • แบบเหมาจ่ายต่อครั้ง จะกำหนดวงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งในการเข้ารับการรักษา แต่ไม่จำกัดวงเงินต่อปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการปิดความเสี่ยงค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยบ่อยครั้ง หรือหลายโรคที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันภายในปีกรมธรรม์เดียวกัน
  1. ค่าห้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลถ้าต้องการให้ครอบคลุมคุณภาพการรักษาพยาบาลระดับโรงพยาบาลเอกชนก็ควรเลือกแผนประกันสุขภาพที่มีค่าห้องผู้ป่วยปกติต่อวันอย่างน้อย 8,000-10,000 บาทขึ้นไป และควรเผื่อในส่วนของการรักษาตัวในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน (ICU) ด้วย 
  2. ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีสวัสดิการบริษัทจำเป็นต้องมีความคุ้มครองส่วนนี้อย่างยิ่ง
  3. สัญญาการต่ออายุความคุ้มครองแบบปีต่อปี ควรเลือกทำประกันที่การันตีการต่ออายุ เพื่อเป็นหลักประกันว่าการรักษาจะมีความต่อเนื่องและสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้จนกว่าจะหายเป็นปกติ 
  4. อายุสูงสุดที่บริษัทจะต่ออายุกรมธรรม์ เพราะหลังเกษียณเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากกว่าก่อน   เกษียณ  ดังนั้นจึงควรเลือกแบบประกันที่สามารถต่ออายุได้เทียบเท่ากับอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยหรือประมาณ 80 ปีเป็นอย่างน้อย
  5. การเลือกบริษัทประกันควรเลือกบริษัทที่มีประวัติการดำเนินกิจการที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ มีระบบการเคลมสินไหมที่ไม่ยุ่งยากจนเกินไป

               

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่