เคทีซี เจาะตลาดลักซ์ชัวรี่ ควง 3 แบรนด์หรู ตอบโจทย์ลูกค้าเลือกคุณค่ามากกว่าราคา

0
26

เคทีซี ร่วมกับ 3 พันธมิตรธุรกิจพรีเมียม สยามพิวรรธน์ เฟอร์รารี่และยูบิลลี่ เสวนา KTC FIT Talk ครั้งที่ 18 ในหัวข้อ “Resilience is the New Luxury: อนาคตเศรษฐกิจไทยในมือผู้บริโภคระดับบน“ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มลักซ์ชัวรี่ ที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในยุคใหม่  ซึ่งมีความต้องการสินค้าที่สะท้อนคุณค่าเฉพาะบุคคล ความยั่งยืนและประสบการณ์ที่แตกต่าง  เพื่อสร้างความเข้าใจเทรนด์ใหม่ และสนับสนุนกลุ่มธุรกิจหรูในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน

นายอภิเชษฐ์ เกียรติวรคุณ CFA ผู้อำนวยการ-การเงิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยถูกปรับลดลงเหลือเพียง 1.6% – 2.3%  ตลาดผู้บริโภคระดับบน สะท้อนถึงการฟื้นตัวแบบ ‘K-Shaped’ เป็นสัญญาณเตือนให้ภาคธุรกิจต้องปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน โดยคาดว่าการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าและบริการระดับลักซ์ชัวรี่ เติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 9.8% ในช่วงปี 2568-2575 (ข้อมูลจาก Verified Market Research)  โดยได้รับแรงหนุนจากความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นจากราคาสินทรัพย์ และกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของกลุ่มผู้มีฐานะ (High-Net-Worth Individuals) ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

“เทรนด์ของ ‘Quiet Luxury’ (ความหรูหราที่เรียบง่ายแต่ทรงคุณค่า) เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงจิตวิทยาในพฤติกรรมผู้บริโภคที่แบรนด์ต่างๆต้องเข้าใจ และปรับตัว  เพราะผู้บริโภคไม่ได้มองหาสินค้าที่แสดงสถานะผ่านโลโก้อีกต่อไป แต่ให้คุณค่ากับความจริงแท้ งานฝีมือและประสบการณ์ที่มีความหมาย  ดังนั้นความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้วัดจากยอดขาย แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างความเชื่อมโยง และสร้างสรรค์คุณค่าของสินค้าและบริการ  ดังนั้นการฟังเสียงของผู้บริโภค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืน”

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว แต่ผู้บริโภคระดับบนยังคงเป็นกำลังซื้อสำคัญ โดยเฉพาะลูกค้าพรีเมี่ยมมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้น แต่ยังคงเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง  โดยไม่ได้มองหาส่วนลดที่มากที่สุด แต่มองหาสิ่งที่ ‘มีคุณค่า’ และ ‘มีความหมาย’ กับชีวิต และให้ความสำคัญกับคุณค่ามากกว่าราคา  

เคทีซี จึงออกแบบกลยุทธ์ในการดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ผ่าน 3 แนวทางหลัก ที่เน้นการสร้างคุณค่าเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง

1) Exclusive Value คัดสรรสิทธิประโยชน์ตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกเฉพาะกลุ่ม โดยใช้แนวคิด “By Invitation Only” เพื่อสร้างความรู้สึกพิเศษ เช่น การออกแบบแคมเปญเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าเฟอร์รารี่และยูบิลลี่โดยเฉพาะ

2) CRM & Loyalty Program ร่วมกับพันธมิตรในการขยายฐานสมาชิกและต่อยอดประสบการณ์ลูกค้าบนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าคุ้นเคย เช่น การแลกเปลี่ยนคะแนนสะสมระหว่างเคทีซีและสยามพิวรรธน์ ผ่านแอปพลิเคชัน ONESIAM SuperApp และ

3) Service Excellence การบริการที่เชื่อถือได้และเข้าใจกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ เช่น Gen Z และกลุ่ม Tech-driven Wealth ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและคุณค่าทางสังคม”

ปัจจุบันสมาชิกเคทีซีที่มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป คิดเป็น 20% ของพอร์ต สร้างยอดใช้จ่ายรวมถึง 40% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด ขณะที่กลุ่มรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน มีอยู่ประมาณ 7-8% และมีสัดส่วนการใช้จ่ายถึง 20% โดยหมวดการใช้จ่ายหลักของกลุ่มนี้ ได้แก่ ประกันภัย การท่องเที่ยว การดูแลสุขภาพ รวมถึงการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ร้านอาหารและน้ำมัน

“การปรับตัวและยืนหยัดท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง (Resilience) และการสร้างคุณค่าร่วมกันอย่างยั่งยืน คือ เป้าหมายสำคัญของการทำธุรกิจลักซ์ชัวรี่ในยุคใหม่  เคทีซีจึงมุ่งเป็นพาร์ตเนอร์ระยะยาวกับแบรนด์พรีเมียม ใช้ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ในการออกแบบข้อเสนอที่ตรงใจ และร่วมสร้างแคมเปญที่มีความหมายมากกว่าการลดราคา เพื่อให้ลูกค้าจดจำว่าเราทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้นและมีคุณค่ามากขึ้น”

นางธณพร ตันติยานนท์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า ONESIAM บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ กล่าวถึงการทำโครงการธุรกิจค้าปลีกระดับลักซ์ชัวรี่ว่า  ผู้บริโภครุ่นใหม่มีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มนี้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน  โดยให้ความสำคัญกับคุณค่าทางจริยธรรม ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล และประสบการณ์ที่มีความหมายมากกว่าการครอบครองสินค้าหรูหราเพียงอย่างเดียว  ดังนั้นสินค้าที่ตอบโจทย์ต้องมีคุณภาพสูง หายาก และสะท้อนตัวตนของผู้บริโภคอย่างแท้จริง   ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างนิยามใหม่ของ ‘New Luxury’ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แบรนด์ใหญ่ แต่ต้องเป็นที่สุดในด้านคุณค่าและความคุ้มค่า พร้อมสร้างคอมมูนิตี้ระดับโลก ผ่านแพลทฟอร์มที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้สัมผัสและมีส่วนร่วมกับประสบการณ์ลักซ์ชัวรีในรูปแบบที่จับต้องได้

“เราเดินหน้ากลยุทธ์ Co-Create & Collaboration กับพันธมิตรระดับโลก พร้อมยกระดับลักซ์ชัวรี่ CRM และสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจจะมีความไม่แน่นอน แต่ยังเห็นการเติบโตในกลุ่ม ลักซ์ชัวรี่ โดยเฉพาะแบรนด์ Fine Jewelry และนาฬิกา อย่างต่อเนื่อง เราจึงให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ใหม่ เช่น Exclusive Pop-up Stores, Events และคลับ JAI by ONESIAM พร้อมผลักดันแนวทาง Sustainable Luxury ที่เชื่อมโยงความหรูหรากับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”

นางนันทมาลี ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและซ่อมบำรุงรถยนต์เฟอร์รารี่ (Ferrari) อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย  กล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับการส่งมอบ ‘คุณค่า’ ผ่านประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ลึกซึ้งและมีความหมาย  โดยเชื่อว่าลูกค้ากลุ่ม High Net Worth ไม่ได้มองหาเพียงความหรูหราภายนอก แต่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดและความใส่ใจในระยะยาว เราจึงลงทุนในโชว์รูมรถ (Pre-owned) และอู่สีใหม่ รวมถึงจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น เอสเปรีเอนซ่า เฟอร์รารี่ (Esperienza Ferrari) ปาสซีโอเน เฟอร์รารี่ คลับ ชาเลนจ์ (Passione Ferrari Club Challenge) และการพาลูกค้าเข้าร่วมงานยูนิเวอร์โซ เฟอร์รารี่ (Universo Ferrari) ที่ต่างประเทศ เพื่อสะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์ระดับโลกผ่านประสบการณ์จริง

“ด้วยแนวคิด ‘ความหรูหราที่แท้จริง’ (True Luxury) คือความต่อเนื่อง ความซื่อสัตย์ และบริการที่เป็นเลิศ เราจึงมุ่งยกระดับบุคลากร ระบบ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างมาตรฐานระดับ 5 ดาวที่ยั่งยืน  ไม่ใช่แค่ฐานะผู้แทนจำหน่าย แต่ในฐานะผู้ดูแลความสัมพันธ์ระยะยาว โดยเชื่อว่า เฟอร์รารี่ไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นตัวแทนของแรงบันดาลใจ ไลฟ์สไตล์และความสำเร็จที่สัมผัสได้จริงในทุกมิติ ”

นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจค้าเพชรและเครื่องประดับเพชรเบอร์หนึ่งของไทย กล่าวว่า  ปัจจุบันกลุ่มลูกค้า High Net Worth  และกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง (Affluent) ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพเหนือราคา” สินค้าสามารถตอบโจทย์ทางอารมณ์และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ยูบิลลี่ ไดมอนด์จึงเน้นบริการระดับเวิลด์คลาส ความใส่ใจเฉพาะบุคคล และความน่าเชื่อถือในฐานะแบรนด์เพชรอันดับหนึ่งของไทยที่อยู่คู่สังคมไทยมากว่า 96 ปี

ความท้าทายในการทำธุรกิจลักซ์ชัวรี่ในยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัว คือการรักษา ‘ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง’ กับลูกค้า (Brand Affinity)  ซึ่งการให้บริการด้วยความจริงใจ ใส่ใจในทุกรายละเอียด และยึดมั่นในคุณภาพ คือหัวใจของ แบรนด์ลักซ์ชัวรี่ที่ลูกค้าพร้อมกลับมาเลือกอีกครั้งเมื่อถึงเวลาสำคัญในชีวิต

“การขยายฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ เช่น Gen Z และกลุ่มผู้มีฐานะรุ่นใหม่ ยูบิลลี่ ไดมอนด์ จึงคิดแคมเปญที่สื่อสารอย่างตรงประเด็น เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านดิจิทัลที่ลื่นไหล ปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง ด้วยหลักการ “ปรับไวแต่ไม่ทิ้งแก่น” โดยยึดมั่นใน 3 แกนหลักของแบรนด์ ได้แก่ ความเป็นเลิศ (Excellence) มรดกแห่งความเชื่อมั่น (Legacy) และความไว้วางใจ (Trust) พร้อมส่งต่อคุณค่าและความเชื่อมั่นจากรุ่นสู่รุ่นอย่างแท้จริง”