“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดเสวนา KTC FIT Talks 7 “รับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามบนโลกออนไลน์” สร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมออนไลน์ เพื่อให้คนไทยพร้อมรับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามต่างๆ บนโลกไซเบอร์ ตอกย้ำผู้นำธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ที่พัฒนาธุรกรรมการเงินออนไลน์ ควบคู่กับการบริหารเพื่อป้องกันการทุจริตด้านดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย 4 องค์ประกอบหลัก บุคลากร-กระบวนการ-เทคโนโลยี-การบริหารจัดการข้อมูล พร้อมแนะวิธีสังเกตและป้องกันการทุจริตบนออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ
นายไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ควบคุมงานปฏิบัติการและงานปฏิบัติการร้านค้า “เคทีซี” เปิดเผยว่า ธุรกรรมการชำระเงินออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการชำระค่าสินค้าและบริการบนอีคอมเมิร์ซ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม 9.79% ต่อปี ในช่วงปี 2560-2564 สถิติจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) พบว่าผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าผ่านอี-มาร์เก็ตเพลซ มากที่สุด ขณะที่ผู้ขายนิยมขายสินค้าผ่านโซเชียล คอมเมิร์ซ มากที่สุด และนอกเหนือจากการชำระค่าสินค้าและบริการเพื่อการอุปโภคบริโภคผ่านออนไลน์แล้ว การซื้อขายสินทรัพย์เพื่อการลงทุนออนไลน์ เช่น บิทคอยน์ หุ้นและกองทุนรวม เป็นอีกบริการที่มีแนวโน้มเติบโตสูง นับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยช่องทางการชำระค่าสินค้าและบริการออนไลน์ที่ได้รับความนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. แอปพลิเคชันของธนาคาร 2. ชำระเงินปลายทาง 3. ชำระด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิท 4. โอนหรือชำระเงินผ่านบัญชีธนาคาร และ 5. ชำระด้วยวอลเล็ตของแพลทฟอร์ม
ทั้งนี้การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในโลกของการชำระออนไลน์ต้องมีความเสถียร ใช้งานง่ายและรวดเร็ว เคทีซีให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำทุกธุรกรรมการเงิน โดยพัฒนาระบบบริหารการป้องกันภัยทุจริต ผ่าน 4 องค์ประกอบหลักคือ
1.บุคลากร สร้างทีมงานที่มีศักยภาพในการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตตลอด 24 ชั่วโมง ให้ความรู้บุคลากรในองค์กรเพื่อให้เกิดการวิเคราะห์ที่ดี เพิ่มความรู้เท่าทันให้ผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความระมัดระวัง
2.กระบวนการปฏิบัติงาน มีมาตรฐานและยืดหยุ่นสูง เพื่อตรวจจับและป้องกันเหตุทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และปรับปรุงกระบวนการงานให้มีความทันสมัย
3.เทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบและป้องกันการทุจริต
4.การบริหารจัดการข้อมูล ติดตามและอัพเดทข้อมูลสถานการณ์ที่มีแนวโน้มการทุจริตทั้งในและต่างประเทศ วิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบภายใต้หลักเกณฑ์ อันจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเหมาะสม ซึ่งการป้องกันภัยจากการทุจริตต่างๆ จะเกิดประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น หากผู้บริโภคได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และมีการป้องกันตนเองในเบื้องต้น
สำหรับการทุจริตชำระออนไลน์มีหลายรูปแบบ เช่น Friendly Fraud (การทุจริตจากคนแวดล้อมใกล้ตัว) Fake Website (เว็บไซต์ปลอม) Bin Attack (การสุ่มเลขบัตร) โดยเฉพาะ Social Engineering (การหลอกโอนขอ OTP หรือ One Time Password และหลอกโอนเงิน) จากแกงค์คอลเซ็นเตอร์ หรือแอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการต่างๆ เช่น ตำรวจหรือไปรษณีย์ ผู้ทุจริตส่ง QR Code ปลอมหลอกให้ลูกค้าสแกนทำรายการ / ลูกค้าได้รับอีเมลหลอกลวงหรือหน้าเว็บไซต์ปลอม (Email Phishing) หลอกให้ทำการอัพเดทข้อมูลบัตรเครดิตและถูกนำไปใช้เข้าระบบและทำรายการธุรกรรม
นายนพรัตน์ สุริยา ผู้จัดการ – ควบคุมและป้องกันการทุจริต “เคทีซี” เปิดเผยว่าว่า ผู้บริโภคสามารถร่วมป้องกันตนเองเบื้องต้นได้ง่ายๆ โดย
1) ระมัดระวังไม่หลงเชื่ออีเมลลวง ทุกธนาคารและสถาบันการเงินไม่มีนโยบายแจ้งให้ลูกค้าเข้าใช้บัญชีผ่านทางอีเมล 2) ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่น่าเชื่อถือ
3) ตั้งการแจ้งเตือนเมื่อมีการทำธุรกรรม ผ่าน SMS หรือให้อีเมลกับธนาคารและสถาบันการเงิน
4) ล็อคเอาต์ออกจากระบบทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน
นอกจากนี้สามารถป้องกันความเสี่ยงจาก QR Code ปลอม โดยตรวจสอบความเรียบร้อยสมบูรณ์ถูกต้องของ QR Code ใช้สแกนเนอร์ที่มีความปลอดภัยและมีฟังก์ชันเตือนเมื่อเป็น QR Code ปลอม / ระมัดระวังการสแกน QR Code ที่ติดตั้งในที่สาธารณะ / ไม่พิมพ์ข้อมูลส่วนตัวหลังจากสแกน QR Code / ตรวจสอบชื่อเว็บไซต์หรือ URL หลังการสแกน QR Code เพราะมิจฉาชีพมักใช้ชื่อคล้ายคลึงกัน / หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปฯ จาก QR Code ควรดาวน์โหลดจาก Apple Store หรือ Google Play แทน
สำหรับสมาชิกเคทีซี สามารถเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล ด้วยการดาวน์โหลดและใช้แอปฯ “KTC Mobile” ที่ปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้นล็อคอินด้วยรหัสผ่าน 6 หลัก บนแป้นพิมพ์แบบไดนามิค เพื่อการยืนยันตัวตนเข้าสู่ระบบผ่านการสแกนลายนิ้วมือ หรือสแกนม่านตาสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนซัมซุง แกแลคซี่ สะดวกด้วยระบบตั้งเตือนการใช้จ่ายผ่านบัตรทุกรายการ และยังสามารถกำหนดยอดใช้จ่ายที่ต้องการ พร้อมตั้งเตือนก่อนวันชำระ รวมทั้งบริการจำเป็นอื่นๆ ที่ลูกค้าสามารถตั้งค่าทำรายการได้ด้วยตนเอง เช่น การอายัดบัตรชั่วคราว การกำหนดวงเงินและการขอวงเงินชั่วคราว
“เคทีซี จะส่งข้อความเมื่อส่งรหัสผ่านสำหรับใช้ครั้งเดียว หรือ OTP โดยย้ำเตือนให้สมาชิกระมัดระวังการแจ้งรหัสให้กับบุคคลอื่น และลูกค้าสามารถตรวจสอบเว็บไซต์แปลกปลอมผ่าน https://who.is เพื่อหาข้อมูลจดทะเบียนของเว็บไซต์ต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันมีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นสถาบันการเงินที่มีการจดทะเบียนจริง แล้วสร้างเว็บไซต์ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หลอกให้ผู้เสียหายโอนค่าค้ำประกันวงเงินกู้ แต่ไม่มีการให้สินเชื่อแต่อย่างใด”
นายพันธ์เทพ ชนะศึก ผู้อำนวยการ – หน่วยงานควบคุมและป้องกันการทุจริต “เคทีซี” กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือปัญหาทางออนไลน์ว่า “เคทีซีทำงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแสและติดตามสังเกตการณ์เหตุผิดปกติวิสัย เพื่อการป้องปราบที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดให้ผู้บริโภคสามารถแจ้งความออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำได้ที่โทร. 1441 นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ยังได้เปิดสายด่วน โทร. 1212 เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคออนไลน์เชิงรุกตลอด 24 ชั่วโมง อีกด้วย”