บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIA Investment Management Thailand (AIAIMT) จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มบริษัทเอไอเอ ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ และเงินลงทุนในกองทุนรวมจากกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) ของเอไอเอ ประเทศไทย และบริการด้านการลงทุนและผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า โดยเชื่อมโอกาสการลงทุนผ่านเครือข่ายทั่วโลกของกลุ่มเอไอเอ ด้วยจุดเด่น ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนรวมที่ลดลง เพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 82 ปี เอไอเอได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ สามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง โดย 1 ใน 3 ของกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศไทย เป็นกรมธรรม์ของเอไอเอ มีเครือข่ายตัวแทนกว่า 50,000 ราย ดูแลลูกค้ากว่า 5 ล้านคน จำนวนกรมธรรม์กว่า 8 ล้านฉบับ และมีตัวแทนที่ถือ IC License (ใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ กองทุนรวม ตราสารหนี้ ตราสารทุน) มากกว่า 10,000 คน มากที่สุดในประเทศไทย สามารถช่วยลูกค้าวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทเอไอเอ ยังเล็งเห็นศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาลของเอไอเอ ประเทศไทย ที่ลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้ ตลาดตราสารทุน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
“ดังนั้นการเปิดตัว AIAIMT จึงเป็นการนำความเชี่ยวชาญในการบริหารพอร์ตกว่า 30 ปี เชื่อมโยงกับประสบการณ์ด้านการลงทุนที่แข็งแกร่งใน 18 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยทีมบริหารการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 150 คนจากทั่วโลก จึงถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดการลงทุนไทย และเป็นอีกก้าวสำคัญของเอไอเอ ประเทศไทย”
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIAIMT กล่าวว่า ปัจจุบัน AIAIMT มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) รวมมูลค่า 847,000 ล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย โดยรับโอนสินทรัพย์การลงทุนจาก เอไอเอ ประเทศไทย แบ่งเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 510,000 ล้านบาท ตราสารหนี้ภาคเอกชน 100,000ล้านบาท การลงทุนหลักทรัพย์ในประเทศ 100,000 ล้านบาท และการลงทุนต่างประเทศ 130,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ จุดเด่นของ AIAIMT คือ เครือข่ายการลงทุนและประสบการณ์ความชำนาญระดับโลกของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น BlackRock, Wellington Management และ Baillie Gifford เพื่อบริหารการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมนำเทคโนโลยีการลงทุนขั้นสูงและมีความปลอดภัยสูงสุดมาใช้ในการทำงาน เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ลงทุน
ในเบื้องต้น ได้จัดตั้งกองทุนรวมจำนวน 9 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมลงทุนในประเทศ 5 กองทุนซึ่งเปิดการขายไปแล้ว และในปี 2564 มีแผนที่จะเสนอขายกองทุนต่างประเทศ 7 กองทุน โดยช่วงต้นปีสามารถเปิดขายได้ก่อน 4 กองทุน โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายภายใน 3-5 ปี AIAIMT จะเป็นบลจ.ที่มีผลิตภัณฑ์ครบถ้วนและเหมาะสม โดยคาดว่าจะทำการเปิดขายทั้งสิ้นไม่เกิน 20 กองทุน เน้นการลงทุนเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
“เราไม่ได้ตั้ง บลจ.ขึ้นมาเพื่อจะแข่งขัน แต่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked) โดยใช้ศักยภาพของเอไอเอกรุ๊ป และเอไอเอประเทศไทย ช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกได้รับผลการดำเนินงานจากการลงทุนที่ดีขึ้น”
นายสุขวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนมีความผันผวนสูง และเป็นช่วงที่หุ้นแพง ราคาสะท้อนความเชื่อมั่นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และความสำเร็จของวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19ไปแล้ว การลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และควรกระจายการลงทุนไปต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในประเทศและมีสินทรัพย์หลากหลายให้เลือกลงทุน ขณะที่หุ้นไทยปัจจุบันยังไม่เห็นกลุ่มที่โดดเด่น และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมาจากการขับเคลื่อนนโยบายการเงิน-การคลังของภาครัฐเป็นหลัก
“หน้าที่ของผู้จัดการกองทุน ต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ เปรียบเหมือนนักวิ่ง ที่ต้องรู้ว่าช่วงไหนต้อง speed ช่วงไหนควร Slow” นายสุขวัฒน์ กล่าว