ดร. สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือTIP ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวาระพิเศษ ครั้งที่ 1/2563 ได้มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ ด้วยการดำเนินการจัดตั้งบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น หรือ Holding Company ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 10,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้บริษัทโฮลดิ้งส์จะทำการเพิ่มทุนจำนวน 600,000,000 หุ้นและแลกหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวกับหุ้นทั้งหมดของบมจ.ทิพยประกันภัย ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 และนำหลักทรัพย์ของบริษัทโฮลดิ้งส์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนหลักทรัพย์ของบมจ.ทิพยประกันภัย ที่จะขอเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในวันเดียวกัน
เหตุผลจากการเปลี่ยนนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภค และการแข่งขันที่สูงขึ้นในธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะการเข้ามาของกลุ่มธุรกิจประกันภัยจากต่างประเทศ รวมทั้งบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำในภูมิภาค บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายและทิศทางขององค์กรเพื่อให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดประกันวินาศภัยในยุคดิจิทัล (Digital Insurance) รวมถึงการแสวงหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่สามารถสนับสนุนธุรกิจประกันภัยที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อสร้าง Ecosystem การให้บริการผู้บริโภคอย่างครบวงจร ดังนั้น การปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ โดยดำเนินการให้มีการจัดตั้งบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จึงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของบริษัทฯ และการสร้างผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อย่างยั่งยืนในอนาคต
“เรื่องของโฮลดิ้ง คัมพานี เป็นแนวทางที่ทิพยประกันภัย ปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อให้การดำเนินการในอนาคตนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในทุกมิติ ประสิทธิภาพการดำเนินการในฐานะที่เป็นบริษัทประกันวินาศภัย และประสิทธิภาพของการที่จะนำเม็ดเงินจากการทำธุรกิจประกันภัยนั้นไปลงทุน เพราะในปัจจุบันการประกันภัยโดยเฉพาะการประกันวินาศภัย ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่จะมีประกันภัยมีกำไรจากการรับประกันภัยเป็นสัดส่วนที่มาก และกำไรจากการลงทุนเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า แต่ในสถานการณ์การทำกำไรของบริษัทประกันภัยกลับกัน ประกอบกับการแข่งขันในตลาดประกันภัยสูง มีบริษัทที่เป็นคู่แข่งจากต่างชาติ และบริษัทคู่แข่งที่เราไม่เห็นตัวตน เป็นจำนวนมาก ที่เป็น Digital product เต็มไปหมด สิ่งเหล่านั้นทำให้เราต้องมีการแข่งขันกับคู่แข่งที่เราไม่เห็นตัวตนในตลาด ขายประกันบนเว็บไซด์ เต็มไปหมด การทำกำไรจะบางลงบางลงเรื่อยๆ ทำให้กำไรจากการลงทุนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ”
ฉะนั้น การที่ทิพยประกันภัย ปรับเป็น Holding Company ทำให้เป็นการเพิ่มขีดความสามารถการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความหลากหลายของเครื่องมือในการลงทุน ที่จะนำมาใช้งานได้มากขึ้น ไปลงทุน เพื่อสร้างธุรกิจ ที่ต่อยอดการทำประกันภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเรายังคงเป็นบริษัทประกันภัยเฉยๆ เหมือนทุกวันนี้ สมมุติว่า เราเห็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนกับ Start Up สัก 1 รายที่ดีและน่าสนใจ และมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นอินชัวร์เทคที่จะมา เปลี่ยนแปลงธุรกิจประกันภัย ทิพยประกันภัยอยากเข้าไปลงทุนกับเขา ก็สามารถเข้าไปลงทุนได้เพียงแค่ 20% แล้วก็ไม่สามารถจะไปควบคุมหรือแนะนำ อะไรเขาไม่ได้เลย กลับกันเมื่อเป็น Holding company มีโอกาสจะไป Joint venture กับเขา หรืออาจจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เลยก็สามารถทำได้ และผลิตภัณฑ์ที่เขาสร้างขึ้นมาอาจจะกลายมาเป็นสิ่งที่ส่งเสริมการทำงานของทิพยประกันภัยเป็นหลักก็ได้ ที่สำคัญจะทำให้ทิพยประกันภัย มีศักยภาพในการทำงานที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน บริษัท Holding จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เป็นกอบเป็นกำที่ชัดเจน
เหมือนที่ผ่านมาการเข้าไปลงทุนในทิพยลาว เรามีข้อจำกัดในการลงทุนได้เพียง 10% ทั้งที่ทิพยประกันภัย มีความพร้อม และอยากจะลงมากกว่านั้น เพราะต้องการจะเป็นผู้นำในการถือหุ้นในทิพยลาว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางที่เราต้องการ แต่ด้วยข้อจำกัดในการลงทุน เราก็ทำได้แค่นั้น และอย่างการเข้าไปลงทุนในทิพยประกันชีวิต ทั้งที่ให้มีการนำชื่อของทิพย ไปเป็นชื่อ ของบริษัทด้วย แต่ก็มีข้อจำกัดในการลงทุน ได้เพียง 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่หากถามว่าเราลงทุนไปมากหรือไม่ เราทำไปมาก แต่ผลตอบแทนกับเข้ามาไม่ได้เต็มที่อย่างที่เราลงทุนลงแรงไป
สิ่งสำคัญวัตถุประสงค์การปรับโครงสร้างในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความคล่องตัวในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ด้วยแนวทางต่างๆ อันได้แก่ การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Alliance) ซึ่งเป็นการทำข้อตกลงกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ, การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ที่เป็นการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทโฮลดิ้งส์กับพันธมิตร เพื่อดำเนินธุรกิจร่วมกันทางการค้า, และการควบรวมและการซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions) โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่บริษัทผ่านการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth)
ขณะเดียวกันการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการจะทำให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมดต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio: CAR) และลดข้อจำกัดด้านการลงทุนของบริษัทฯ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (“สำนักงาน คปภ.”) โดยตามประกาศของสำนักงาน คปภ. บริษัทฯ ไม่สามารถถือหุ้นของบริษัทอื่นเกินร้อยละ 10 ของจำนวนตราสารทุนที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทนั้นๆที่เป้าหมายของบริษัทฯได้ รวมถึงยังไม่สามารถถือตราสารทุนที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศเกินร้อยละ 5 ของสินทรัพย์ลงทุนของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทโฮลดิ้งส์เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ซึ่งโครงสร้างบริษัทในรูปแบบนี้จะมีการแบ่งแยกและจำกัดความเสี่ยงของแต่ละสายธุรกิจอย่างชัดเจน บริษัทโฮลดิ้งส์จะมีธุรกิจหลักเป็นกลุ่มธุรกิจประกันภัย ได้แก่ ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย (Non-Life Insurance), ธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย (Life Insurance), ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ (International Insurance) อาทิ กลุ่มประเทศในอาเซียน และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย (Insurance Related) โดยการแบ่งกลุ่มธุรกิจจะช่วยให้แต่ละธุรกิจสามารถกำหนดขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคลากรในแต่ละสายงานได้อย่างโปร่งใสและชัดเจน เช่น จะมีการแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานแยกตามรายธุรกิจ และแต่ละธุรกิจจะมีการประเมินผลการดำเนินงานที่ชัดเจนตามสายงานต่าง
ดร.สมพร กล่าวต่ออีกว่า เมื่อได้รับการอนุมัติจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการทำ สวอปหุ้น ระหว่าง ทิพยประกันภัย ทิพยประกันชีวิต ผู้ถือหุ้นในทิพยประกันภัย จะขึ้นไปถือหุ้นใน ทิพย โฮลดิ้ง หมดเลย แล้วกลายเป็นว่า ทิพยประกันภัย จะถือหุ้นในทิพยโฮลดิ้ง 100% เพราะฉะนั้นในอนาคต เงินปันผล หรือกำไร จะขึ้นไปที่ทิพยโฮลดิ้ง 100% ด้วยเช่นกัน ขณะดียวกัน หากทิพยโฮลดิ้ง ไปถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ ที่มีผลกำไร ก็จะได้กำไรจากบริษัทอื่นๆ เข้ามาเสริมด้วย เพราะฉะนั้นค่าตอบแทนจากการถือหุ้นใน บริษัท Holding company ก็จะมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน เรียกว่าจะมีช่องทางในการสร้างรายรับที่มากกว่านั้น
ขณะนี้เราคาดการณ์ว่าผู้ถือหุ้นที่เป็น Corporate ทั้ง 100 % จะเข้าไปถือหุ้นใน ทิพยโฮลดิ้ง แน่นอน ส่วนรายย่อย ก็จะเป็นเช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีบางคนที่รักทิพยประกันภัย เป็นชีวิตจิตใจ จะไม่ตามไปถือใน ทิพยโฮลดิ้ง ซึ่งอาจมีจำนวนน้อยมาก ถึงแม้จะเป็น ทิพยโฮลดิ้ง โอกาสที่จะมีนักลงทุนอื่นๆเข้ามาถือหุ้น ซึ่งก็มีโอกาสเข้ามาได้ เพราะถึงแม้จะไม่ได้เป็น Holding company นักลงทุนรายย่อยก็สามารถเข้ามาซื้อหุ้นทิพยประกันภัยได้เป็นปกติ แต่ด้วยกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ จะมีระบบป้องกันการเข้ามาเทคโอเวอร์แบบไม่เป็นมิตร อยู่แล้ว
“ทีนี้หลายคนอาจมีข้อกังวลว่า หากทิพยโฮลดิ้ง ไปลงทุนซี้ซั้ว จะทำอย่างไร มันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะมีกรอบกติกา ในการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์กำกับ แล้วการที่เป็น Holding company เราจะต้อง Declare หรือ ประกาศว่าเราจะเป็น Holding company แบบไหน ซึ่งเรา ก็ประกาศตัวเองว่าเป็น โฮลดิ้ง ด้านการประกันภัย เพราะฉะนั้นการลงทุนของทิพย โฮลดิ้ง อย่างน้อย 70% ต้องเป็นเรื่องของการประกันภัย
ส่วนอีก 25% นั้นถึงแม้จะไม่ใช่เป็นเรื่องของการประกันภัยโดยตรง แต่ต้องเป็นเรื่องที่สนับสนุนระบบการประกันภัย เช่น อาจจะมีบริษัท Insure tech ในอนาคต ที่สร้างระบบ เกี่ยวกับอู่ซ่อมรถยนต์ ที่เป็นระบบกลางขึ้นมา เมื่อเราเห็นโอกาส ทิพยโฮลดิ้ง จะเข้าไปลงทุนในบริษัทดังกล่าว และนำระบบมาสนับสนุนการทำงานของทิพยประกันภัยได้ เป็นการสร้าง Ecosystem ด้านการประกันภัย ที่เป็น Digital ขึ้นมาในอนาคต อย่างในอนาคต การชำระค่าสินไหมทดแทน อาจจะมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป อาจจะมี กรุ๊ป Insure tech ทำแพลตฟอร์มขึ้นมารองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้” ดร.สมพร กล่าว
สำหรับในเรื่องของการลงทุนหลังจากเป็น ทิพยโฮลดิ้ง นั้น ในการลงทุนต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก เพราะการลงทุนมีหลายรูปแบบ เช่น การลงทุนในลักษณะของการร่วมทุน การลงทุนในลักษณะ Catalyst หรือเป็นตัวจุดประกายให้กับ Start Up เล็กๆ เติบโต แบบนั้นจะไม่ได้ใช้เงินลงทุนมาก อย่างนี้เป็นต้น นอกจากนี้เป็นการเปิดโอกาสในการทำ M&A มีมากขึ้นเมื่อมีจังหวะที่ดี อย่างในทุกวันนี้เรื่องการประกันภัย ผ่านระบบ ดิจิทัล มีความน่าสนใจมาก ในประเทศไทย ยังไม่มีบริษัทที่ทำ Digital Insurance อย่างแท้จริง มันเป็นเพียงการแฝงอยู่ในการทำธุรกิจประกันภัย เมื่อเป็นลักษณะการแฝงในโครงสร้างใหญ่ของบริษัทประกันภัย ไม่ได้ถือว่าเป็น Digital insurance อย่างจริงจังได้ เพราะการเป็น Digital Insurance นั้น ต้องเริ่มตั้งแต่การขาย การบริการจนถึง การเคลม ที่ลูกค้าสามารถซื้อ และได้รับกรมธรรม์อัตโนมัติได้เลย จนถึงขั้นตอนการเคลม ทุกอย่างเป็น DIY ทุกอย่างลูกค้าสามารถทำเองได้หมดในระบบบนแพลตฟอร์ม ของบริษัทได้เลย ซึ่งแบบนี้จะส่งผลให้บริษัทประกันภัยเป็นบริษัทที่ มีต้นทุนต่ำ ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็น Digital Insurance ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่ใช่
ทั้งนี้ ทิพยกรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จะมีโครงสร้างบริษัทในรูปแบบนี้จะมีการแบ่งแยกและจำกัดความเสี่ยงของแต่ละสายธุรกิจอย่างชัดเจน บริษัทโฮลดิ้งส์จะมีธุรกิจหลักเป็นกลุ่มธุรกิจประกันภัย ได้แก่ ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย (Non-Life Insurance), ธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย (Life Insurance), ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ (International Insurance) อาทิ กลุ่มประเทศในอาเซียน เช่น บริษัทประกันภัยที่ลงทุนในลาว เวียดนาม และกัมพูชา และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย (Insurance Related) เช่น เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับ ไอที เซอร์เวย์เยอร์ และ Start Up Insurance สำหรับอีกส่วนที่ไม่เป็นเกี่ยวกับธุรกิจประกันโดยตรง แต่เป็นบริษัทที่มีความเกี่ยวพัน มาถึงบริษัทประกันภัย เช่น กลุ่ม Start Up อื่น อาทิ บริษัท ทัวร์ บริษัท เฮลเทค ฯ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ
“จริงๆ เรามีการศึกษาเรื่องการทำ Holding Company มา 2 ปีแล้ว แต่จริงๆ ดูให้ยาว โมเดลนี้ถูกคิดตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามาอยู่ที่ทิพยประกันภัย จะเห็นว่าเมื่อเข้าไปมาได้1 ปี ผมได้ตั้ง ฝ่ายต่างๆ เป็น BU (Business Unit) ซึ่งในการตั้งกลุ่มเหล่านี้ขึ้นมาเพี่อเป็นการรองรับการเป็น โฮลดิ้ง เพราะการที่เป็น Holding Company จะทำให้บริษัทประกันภัยมีการทำงานที่เป็นมืออาชีพ คือ จะโฟกัสเฉพาะเรื่องประกันภัย โดยที่ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องอื่นๆ ส่วนเรื่องอื่น ให้ โฮลดิ้ง ดู ซึ่งเป็นข้อดีของการเป็น Holding Company ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติ บริษัทประกันภัย มีหลายเซ็กเตอร์ เมื่อตัวหนึ่งตกลงไป ก็จะดึงตัวอื่นลงไปด้วย แต่หากเป็น Holding Company ตัวไปตก ก็จะตกแค่ตัวเดียว และตัวที่ตกลงไป ไม่ได้ดึงบริษัทแม่ตกลงไปด้วย เพียงแต่ กำไรที่จะส่งไปยังบริษัทแม่ลดลงแค่นั้น ซึ่งการทำแบบนี้ จะทำให้กลุ่มบริษัทประกันภัยในกรุ๊ป จะสามารถทำงานที่ดูแลได้อย่างเต็มที่ และการที่ไปลงทุนที่มีความหลากหลายจะทำให้แม่มีความแข็งแรง
การลงทุนของบริษัทประกันภัย จากนี้ไป โดยภาพรวมอาจจะเปลี่ยน และในภาพรวมจะทำอะไรได้ยากขึ้น เพราะข้อกำหนดหลายอย่างไม่เอื้อต่อการสร้างผลตอบแทนด้านการลงทุนได้ดีสมกับเม็ดเงินที่ได้มา เพราะฉะนั้นหากอยู่เหมือนเดิม ผลตอบแทนจากการลงทุนแคบมาก ทำให้เงินที่มีอยู่เสียโอกาส
แผนการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยบริษัทฯ จะจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 1 กันยายน 2563 เวลา 14.00 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด เพื่อพิจารณาวาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างต่างๆ ดังนี้ 1) การปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ 2) การจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์เพื่อรองรับแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ 3) การขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ 4) การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัทฯ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ 5) การมอบอำนาจซึ่งเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่ากระบวนการปรับโครงสร้างจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2564
โดยประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับจากการการแลกหุ้นของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งส์ คือผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับจากการดำเนินงานของ บมจ. ทิพยประกันภัย ในฐานะบริษัทย่อยของบริษัทโฮลดิ้งส์ รวมทั้งโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการดำเนินงาน การลงทุนของบริษัท โฮลดิ้งส์ในอนาคต โดยจะมีการลงทุนในธุรกิจประกันภัยทั้งในและต่างประเทศ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย และธุรกิจอื่นที่ส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และ/หรือ ที่มีผลตอบแทนสูง
ขณะที่ผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้แลกหุ้นจะขาดสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) รวมถึงยังต้องเสียภาษีจากกำไรที่เกิดจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) เมื่อมีการซื้อขาย และจะได้รับข่าวสารหรือข้อมูลของบริษัทฯ ลดลงจากเดิมที่เคยได้รับในฐานะที่บริษัทฯ จดทะเบียน เนื่องจากหุ้นของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายหลังการปรับโครงสร้างนั้นเสร็จสิ้น