เมย์แบงก์ พานักลงทุนไทยลงทุนต่างประเทศผ่าน DR 

0
24

เมย์แบงก์ ตอกย้ำผู้นำด้านการลงทุนในตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ DR (Depositary Receipt) ตราสารที่อ้างอิงหุ้นต่างประเทศ โดยสามารถซื้อขายได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในรูปแบบเงินบาท ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงหุ้นชั้นนำจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับขั้นตอนการเปิดบัญชีในต่างประเทศ หรือความซับซ้อนด้านภาษี

ปัจจุบันธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ออก DR รายใหญ่ที่สุดในไทย มี DR จำนวน 41 หลักทรัพย์ ที่อ้างอิงหุ้นชั้นนำจากสหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ รวมถึง Apple, Microsoft, Tesla, Netflix, Ferrari, L’Oreal, libaba และ Tencent คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของมูลค่าตลาด DR รวมกว่า 35,000 ล้านบาท และมีแผนทยอยออก DR ใหม่ทุกไตรมาส

นายต่อตระกูล สัตยาประเสริฐ หัวหน้าสายงาน Structuring and Products Development ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลตอบแทนของดัชนีต่างประเทศ เช่น Nasdaq-100, S&P 500 และ Euro Stoxx 50 ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สูงกว่าดัชนี SET100 อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงโอกาสในการลงทุนต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวที่ดีกว่า  ซึ่ง DR ช่วยให้นักลงทุนปรับกลยุทธ์ลงทุนตามสถานการณ์ได้อย่างยืดหยุ่น และไม่ต้องกังวลกับกฎระเบียบหรือข้อจำกัดของการลงทุนต่างประเทศ เพราะสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นไทยบนกระดาน SET ด้วยภาษีและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า

โดยธนาคารกรุงไทย ทำหน้าที่เป็นผู้ออก DR และ Market Maker ดูแลสภาพคล่องของ DR ในตลาด ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้สะดวกในรูปแบบเงินบาท ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศ โดยมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายเทียบเท่าหุ้นไทย  โดยไม่ต้องเสียภาษีกำไรจากการขาย (Capital Gain Tax) ไม่ต้องจ่ายค่าบริหารจัดการรายปี (Management Fee) หรือค่าธรรมเนียมรายปีอื่นๆ  นอกจากเงินปันผลที่หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% เช่นเดียวกับหุ้นไทย

นายอารภัฎ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า เมย์แบงก์ร่วมกันธนาคารกรุงไทย คัดสรรหุ้นต่างประเทศที่มีศักยภาพให้แก่นักลงทุนไทยเพื่อลงทุนต่างประเทศผ่าน DR มาตั้งแต่ 3 ปีก่อน เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาการเติบโตระยะยาวและต้องการกระจายความเสี่ยง และล่าสุดได้จัดสัมมนา “Let’s Go DR กับเมย์แบงก์” ให้ความรู้และเปิดมุมมองใหม่แก่นักลงทุนไทย ในการกระจายพอร์ตสู่หุ้นคุณภาพระดับโลก พร้อมแนะนำกลยุทธ์การเลือก DR อย่างมีหลักการและมีประสิทธิภาพ

ภายในงาน มีทีมงานนักวิเคราะห์จากเมย์แบงก์ โดยนางสาวปัณฑารีย์ เถื่อนถนอม Investment Solutions และ นายธรรณพ ชำนาญศิลป์, CFP® Vice President , Investment Solution แนะนำ 4 DR ที่สะท้อนโอกาสการเติบโตจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ได้แก่ 

VISA80 ผู้นำระดับโลกด้านระบบการชำระเงิน ซึ่งเติบโตงตามแนวโน้มการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดและธุรกรรมดิจิทัลทั่วโลก   

LLY80 (Eli Lilly) คริปโตประเภท Stablecoin  หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่ได้รับแรงหนุนจากยอดขายยาเบาหวานรุ่นใหม่ (Mounjaro) พร้อมการลงทุนด้าน R&D อย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานการผลิตในสหรัฐฯ ที่อาจได้รับประโยชน์จากนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ของรัฐบาล

 XIAOMI80 หุ้นเทคโนโลยีจีนที่ได้รับแรงหนุนจากธุรกิจ Smart EV และมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาล แม้จะมีความท้าทายจากสงครามราคารถ EV แต่ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงบน ทำให้ยังคงมี Upside ที่น่าจับตา

TENCENT80 หุ้นบลูชิพจีนที่กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายกฎระเบียบธุรกิจเกม ซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้หลักของบริษัท ขณะเดียวกันยังลงทุนพัฒนา Hunyuan AI ซึ่งจะช่วยเสริมรายได้ในกลุ่มโฆษณาและฟินเทค

DR ทั้ง 4 ตัวนี้มี Upside อยู่ระหว่าง 8.2% ถึง 26.5% สะท้อนโอกาสการเติบโตที่น่าสนใจในระยะข้างหน้า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตสู่ต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและมองหาโอกาสจากหุ้นชั้นนำทั่วโลก

ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนที่เริ่มเปิดรับโอกาสจากหุ้นต่างประเทศ หรือผู้ที่มองหากลยุทธ์กระจายความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ DR คือทางเลือกการลงทุนที่เข้าถึงง่าย ปลอดภัย และมีความยืดหยุ่นสูง