บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้นำธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ภายใต้แบรนด์ แมคโดนัลด์ ประเทศไทย โชว์ฟอร์มแกร่งเติบโตต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน ปี 2567 โกยรายได้สูงสุดในรอบ 39 ปี กว่า 7.9 พันล้านบาท เดินเกมรุกตลาดไก่ทอดเต็มสปีด เตรียมสร้างสถิติใหม่ปี 68 โตเพิ่ม 10% พร้อมความพิเศษตลอดปี! ฉลองครบรอบ 40 ปี ในประเทศไทย กับ แคมเปญ “40th Fanniversary” อัดแน่นเซอร์ไพร์สขอบคุณลูกค้าที่มีแมคโดนัดล์อยู่เคียงข้างในทุกโมเมนต์
นางสาวกิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานาว่า เติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดปี 2567 ทุบสถิติรายได้ครั้งใหม่ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดขายสูงถึง 7,957 ล้านบาท เติบโต 10% ขณะที่กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า สะท้อนความแข็งแกร่งแบรนด์ที่เติบโตได้อย่างมั่นคงในฐานะผู้นำอันดับ 1 ตลาดเบอร์เกอร์ในไทย และแผนเชิงรุกตลาดไก่ทอดดันการเติบโตทะลุเป้ากว่า 33%
สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยโมเดลธุรกิจหลัก
ตอกย้ำ Flagship Value Platform เน้นอร่อยคุ้มค่า ราคาสบายกระเป๋า
ในยุคที่ลูกค้ามองหาความ“คุ้มค่า” การมี Value Platform ที่เข้มแข็งทำให้ลูกค้าเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชุด ‘EVM’ (Everyday Value Meals) ราคาเพียง 99 บาท ทั้งเมนูเบอร์เกอร์ และ ไก่ทอดแมค รวมถึง ชุด ‘McSavers 1+1’ ราคาเพียง 55 บาท ให้เลือกจับคู่เมนูของว่างและของหวาน นอกจากนี้ยังมี แอปพลิเคชันคูปอง แมคโดนัลด์ มอบคูปองชุดอาหารที่หลากหลาย และราคาคุ้มค่าเหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม ในราคาประหยัดได้สูงสุดถึง 50% ซึ่งได้การตอบรับที่ดีอย่างมาก โดยปัจจุบันมียอดดาวน์โหลด แอปคูปอง แมคโดนัลด์ มากกว่า 4.7 ล้านคน
สปีดแผนสร้าง Brand Love เขย่าตลาดไก่ทอด
‘ไก่ทอดแมค’ สร้างการเติบโตได้ถึง 33% ในปี 2567 จากการสื่อสารเชิงรุกด้วยพรีเซนเตอร์ ‘ต้าห์อู๋ x ออฟโรด’ แฟนไก่ทอดแมคตัวจริง และในปี 2568ยังคงต่อยอดความสำเร็จด้วยคอนเซปต์ ‘กรอบ ชุ่มฉ่ำ อร่อย ใหญ่ทุกชิ้น’ และ พรีเซนเตอร์ ‘ต้าห์อู๋ x ออฟโรด’ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ กลุ่ม Gen Z ที่พร้อมลองสิ่งใหม่ๆ และคุ้มค่าเสมอ ทั้งยังสร้างแคมเปญการตลาดที่น่าสนใจและตรงใจ GEN Z ในทุกๆ เทศกาล เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น คาดโตเพิ่มมากกว่า 15% ในปี 2568
ผู้นำตลาดเบอร์เกอร์อับดับ 1 ในไทย
แมคโดนัลด์ โดดเด่นในตลาด QSR จากเมนูเบอร์เกอร์และเป็นอันดับ1 ในใจลูกค้าต่อเนื่องกว่า 40 ปี ตั้งแต่เมนูระดับตำนานอย่าง ‘ดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์’, ‘บิกแมค’ หรือ ควอเตอร์ พาวน์เดอร์ วิทชีส พร้อมพัฒนาเมนูใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น ‘มั่งมีเบอร์เกอร์’ เบอร์เกอร์ทรงยาว และ ‘ซามูไร ดีลักซ์ เบอร์เกอร์’ ที่ต่อยอดความอร่อยจากเมนูฮิต ตลอดกาล ‘ซามูไรเบอร์เกอร์’ ซึ่งในปีนี้ยังคงคัดสรรเมนูใหม่ๆ และแคมเปญเด็ดๆ มาปลุกกระแสตลาดเบอร์เกอร์ให้คึกคัก ผลักดันยอดขายให้เติบโต
ชนะใจลูกค้าด้วยที่สุดแห่งประสบการณ์การบริการ
สร้างความสุขแก่พนักงาน เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีแก่ลูกค้า
“พนักงาน” คือหัวใจหลักของงานบริการ เป็นตัวกลางสร้างความรู้สึกในเชิงบวกกับลูกค้าที่จะมีต่อแบรนด์ แมคโดนัลด์จึงให้ความสำคัญต่อการสร้างความสุขให้กับพนักงานในทุกมิติและความผูกพันระหว่างพนักงานกับองค์กรให้แข็งแกร่งและยั่งยืน เป็นแนวทางสู่ความสำเร็จในการส่งมอบ Happy Moment ระหว่างแบรนด์และลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจและความประทับใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีแห่งการบริการ
แมคโดนัลด์ เป็นผู้นำในการมอบประสบการณ์การบริการที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า รวมถึงบริการเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะ และ พนักงานต้อนรับที่คอยบริการ โดยปีที่ผ่านมาได้ติดตั้งเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติครบทุกสาขา และตั้งเป้าให้ทุกสาขาใหม่ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้มีเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ
รุกคืบขยายสาขาทั่วไทย ด้วย 3 คอนเซปต์หลัก
ปัจจุบัน แมคโดนัลด์ เปิดให้บริการ 240 สาขาในปี 2568 เป็นปีทองที่เร่งเปิดสาขาใหม่ เพื่อดันการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายและเพิ่มการเข้าถึงลูกค้า โดยมีแผนเปิด 20 สาขาใหม่ และรีโนเวทสาขาเดิม 25 สาขา ภายใต้ 3 คอนเซ็ปต์หลัก ได้แก่ ‘Geometry’ โมเดิร์น ทันสมัย สีสันสดใส, ‘Essential Ingredients 2.0’ ถ่ายทอดแบรนด์บนศิลปะป๊อปอาร์ต และคอนเซปต์ ‘CUBE’ ถ่ายทอดแบรนด์ผ่านชิ้นงานกราฟฟิก
เสริมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
แคมเปญ ‘McHappy Smile’ ส่งต่อรอยยิ้มแห่งความสุขสู่เด็กและเยาวชน
ปัจจุบันแคมเปญ ‘McHappy Smile’ ร่วมส่งมอบรอยยิ้มและสุขแก่เด็กและเยาวชนไทย ผ่านกิจกรรมจากพี่โรนัลด์และผองเพื่อน รวมถึงมื้ออาหารแสนอร่อยรวมกว่า 2,200 มื้อ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากพนักงานจิตอาสาจากสำนักงานใหญ่ และพนักงานหน้าร้าน กว่า 100 คน โดยปีนี้ยังคงเดินหน้าสานต่อแคมเปญ เพื่อส่งต่อรอยยิ้มแห่งความสุขให้กับเด็กและเยาวชนตามจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทยต่อไป
มูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ประเทศไทย
แมคโดนัลด์ เดินหน้าสนับสนุนหลักของมูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ประเทศไทย ซึ่งมีพันธกิจช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กและครอบครัวมายาวนานกว่า 24 ปี โดยมีโครงการต่างๆ อาทิ 1. โครงการบ้านพักพิงโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ หรือ “บ้านแมค” ซึ่งปัจจุบันให้บริการที่พักแก่ครอบครัวผู้ป่วยเด็ก มากกว่า 34,000 ครอบครัว ที่ต้องเดินทางไกลมาจากต่างจังหวัดได้เข้าพักระหว่างที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 4 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ รพ.เด็ก, รพ.นพรัตนราชธานี, รพ.จุฬาลงกรณ์, รพ.ศิริราช 2. หน่วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่โรนัลด์ แมคโดนัลด์ ภายใต้โครงการ ‘สุขภาพดีใต้ร่มพระบารมี’ ให้บริการด้านทันตสุขภาพแก่เด็กๆ ในถิ่นทุรกันดาร ปัจจุบันให้บริการตรวจรักษาฟันไปแล้วกว่า 56,000 คน และ 3. โครงการห้องสันทนาการเด็ก จำนวน 40 แห่ง ให้บริการพื้นที่สำหรับให้เด็กๆ ได้ผ่อนคลายหรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวในระหว่างเข้าพักรักษาตัวหรือรอพบแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐฯ
ตั้งเป้าบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก 100% ในปี 2568
ปัจจุบัน แมคโดนัลด์ ได้เริ่มเปลี่ยนสู่บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกโดยใช้วัสดุกระดาษซึ่งผ่านการรับรองจากสถาบัน ‘Forest Stewardship Council™ (FSC)’ ตามมาตรฐานการจัดการผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ที่ถูกต้อง เช่น กระดาษห่อเบอร์เกอร์, ถุงกระดาษบรรจุเมนูอาหาร, ถ้วยกระดาษใส่ซอส และภายในไตรมาสที่ 2 นี้ จะเพิ่มในส่วนของ กล่องกระดาษบรรจุเมนูข้าว กล่องกระดาษบรรจุซอสดิปต่างๆ และกล่องบรรจุภัณฑ์ไก่ทอดพร้อมฝาปิดแบบกระดาษ โดยตั้งเป้าเปลี่ยนเป็น บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกครบ 100% ภายในปี 2568
จัดใหญ่! แคมเปญ “40th Fanniversary” เซอร์ไพร์สขอบคุณลูกค้าตลอดปี
แคมเปญ “40th Fanniversary” พร้อมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 อีกหนึ่งขั้นแห่งความสำเร็จของแมคโดนัลด์ ที่พร้อมเติมเต็มความสุขแก่คนไทยด้วยกิจกรรมเซอร์ไพร์สตลอดทั้งปี 2568 เพื่อขอบคุณลูกค้าที่อยู่เคียงข้างแมคโดนัลด์ ในทุกโมเมนต์ตลอดมา สามารถติดตามชมความทรงจำ 40 ปี กับแมคโดนัลด์ และ กิจกรรมต่างๆ ได้ที่ Facebook.com/McThai
“ตลอด 40 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย แมคโดนัลด์ เป็นมากกว่าร้านอาหาร เราอยู่เคียงข้างลูกค้า ส่งต่อรอยยิ้ม ความสุข มอบประสบการณ์และโมเมนต์ดีๆ จากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยผลักดันให้ปี 2568 เติบโตทะลุเป้า 10% โดยยังคงเดินหน้าพัฒนาเมนูและบริการที่ยอดเยี่ยม ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ในประเทศไทย” นางสาวกิตติวรรณ กล่าวสรุป