พลตำรวจเอก นิพจน์ วีระสุนทร ประธานกรรมการ บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจของสหประกันชีวิต ว่า คณะกรรมการชุดปัจจุบัน มีความมมุ่งมั่นตั้งใจและเพียรพยายามสร้างการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่สหกรณ์ ด้วยการจัดสวัสดิการและสร้างหลักประกันภัยให้แก่สหกรณ์สมาชิกสหกรณ์ และปวงชน โดยมิได้แสวงหาผลกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียวเหมือนเช่นธุรกิจทั่วไป แต่ส่งเสริมสนับสนุนให้สหกรณ์ได้ดำเนินธุรกิจประกันชีวิต เป็นธุรกิจของสหกรณ์ร่วมกัน ภายใต้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารกิจการตามอุดมการณ์ หลักการและวิธีการสหกรณ์ โดยมีสหกรณ์ในฐานะผู้เป็นเจ้าของบริษัท และเป็นผู้ใช้บริการหลักจวบจนปัจจุบันบริษัทมีผลประกอบการดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน
“ เพราะเราเชื่อว่า สหประกันชีวิตและระบบสหกรณ์จะเป็นองค์กรพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สร้างนวัตกรรมแนวใหม่ให้กับสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ ส่งผลให้สหกรณ์ต่าง ๆ ( ถือกำเนิดขึ้นด้วยความร่วมมือร่วมใจของสหกรณ์ทุกประเภททั่วประเทศ กว่า 2,200 สหกรณ์ ร่วมกันถือหุ้นเป็นเจ้าของบริษัท ) เชื่อมั่นศรัทธา หันมาใช้บริการสวัสดิการประกันชีวิตกับสหประกันชีวิตเพิ่มมากขึ้นจนประสบผลสำเร็จ ”
นายสหพล สังข์เมฆ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเป็นที่ทราบกันดีว่าธุรกิจประกันชีวิตมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเช่นเดียวกับระบบสหกรณ์ ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการเงิน เป็นหลักประกันความมั่นคงที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในทุกระดับ ซึ่ง“บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)” ถือเป็นบริษัทประกันชีวิตหนึ่งเดียวของขบวนการสหกรณ์ ที่มีสหกรณ์ทั้ง 7 ประเภททั่วประเทศ กว่า 2,000 สหกรณ์ร่วมกันถือหุ้นเป็นเจ้าของ และมีปณิธานอันแน่วแน่ในการส่งเสริมให้สหกรณ์ได้ดำเนินธุรกิจประกันชีวิตร่วมกันตามอุดมการณ์ เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตของสมาชิกสหกรณ์ บุคคลในครอบครัว และบุคคลทั่วไป โดยตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ถ้าเป็น“คน”ก็เดินทางเข้ามาสู่วัย“เบญจเพศ” ซึ่งเป็นวัยที่แข็งแกร่งมั่นคงแล้ว
“ บริษัทฯ ได้มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมผลักดันให้คนสหกรณ์ และประชาชนทั่วไป ได้รู้จักการนำเอาหลักการประกันชีวิต มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในการสร้างความมั่นคงในชีวิต อันส่งผลโดยตรงต่อการขับเคลื่อนพัฒนาการด้านสังคม และเศรษฐกิจของประเทศ ดำเนินธุรกิจมาจนครบปีที่ 25 ได้ผ่านอุปสรรคมาหลายครั้งหลายหน แต่ด้วยความมุ่งมั่นของทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการ ฝ่ายจัดการ และความร่วมแรงร่วมใจของสหกรณ์ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ฟันฝ่าวิกฤติปัญหามาได้ จนได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากสหกรณ์ผู้ถือหุ้น และสหกรณ์ผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ในปัจจุบัน ด้วยเหตุที่ “สหประกันชีวิต” ก่อกำเนิดขึ้นเพราะกฎหมายสหกรณ์ไม่อนุญาตให้สหกรณ์ดำเนินการจัดทำสวัสดิการในลักษณะการประกันชีวิตเพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงได้เอง จึงต้องแยกมาดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น บริษัทถือว่าความสำเร็จ มิได้วัดเพียงแต่ตัวเลขหรือเชิงปริมาณแต่เพียงอย่างเดียว แต่การที่สหกรณ์ หรือสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีความเข้าใจ เห็นคุณค่าความสำคัญของการสร้างหลักประกันในชีวิตโดยใช้ “สหประกันชีวิต” เป็นเครื่องมือ ถือเป็นความสำเร็จอย่างยั่งยืนที่น่าพอใจยิ่ง “ นายสหพล กล่าว และว่า
“ จากผลประกอบการของบริษัท ที่มีทุนจดทะเบียน จำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งทุนที่ออกและชำระแล้วกว่า 1,073 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวมกว่า 2,285 ล้านบาท มีเงินทุนสำรองประกันภัยกว่า 1,088 ล้านบาท และมีเงินกองทุนกว่า 1,101 ล้านบาท มี Car Ratio หรือดำรงเงินกองทุนตามกฎหมาย 609% นับว่าสูงเป็นอันดับ 3 ของธุรกิจประกันชีวิต ( ข้อมูล ณ 31 ตุลาคม 2562 ) ฉะนั้น ในแง่ของความมั่นคงทางการเงินสำหรับสหประกันชีวิตในวันนี้ นับว่าสูง มากๆ หากเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งก็ต้องขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน ที่อดทนฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน จนบริษัทสามารถแบ่งปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ ทั้งนี้ และทั้งนั้น จะต้องทำตามกฎของ คปภ.
ด้วยเหตุนี้ แม้คณะกรรมการบริหาร จะมีมติในที่ประชุม ให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,000 ล้านบาทได้ แต่เพื่อให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมได้รับประโยชน์สมกับที่ท่านเหล่านั้นอดทนเสียประโยชน์มาหลายปี จึงขอชะลอการเพิ่มทุนเอาไว้สักระยะหนึ่งก่อน เพราะอย่างไรก็มีคนพร้อมที่จะเข้ามาร่วมลงทุนด้วยอยู่แล้ว เนื่องจากเห็นภาพ และเข้าใจในการดำเนินธุรกิจประกันชีวิตแล้ว ซึ่ง ณ วันนี้ ผลการดำเนินการของบริษัทก็เป็นบวกทุกเดือน เรียกว่า วันนี้ มีแต่คนถาม และรอเข้ามาเพิ่มทุนด้วย จึงไม่มีความกังวลในเรื่องนี้“ นายสหพล กล่าวในที่สุด
