นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม ในโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 2 (พ.ศ.2563 – 2564) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ช่วยเสริมสภาพคล่อง รักษาระดับการจ้างงานลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตน เพื่อประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยมีวงเงินสินเชื่อรวม 30,000 ล้านบาท ระยะเวลาสินเชื่อตามโครงการ 3 ปี วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อสถานประกอบการ คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ต่อปี สำหรับกรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75% ต่อปี กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือค้ำประกันโดยบุคคล หรือใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทั้งนี้ การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร และไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อ Refinance สินเชื่อเดิมได้
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม โดยจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และได้รับการรับรองสถานะความเป็นสถานประกอบการจากสำนักงานประกันสังคม
ทั้งนี้ เมื่อได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ผู้ประกอบการจะต้องรักษาจำนวนผู้ประกันตนในสถานประกอบการให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่า 80% ของจำนวนผู้ประกันตนในสถานประกอบการ ณ วันที่ธนาคารส่งแบบรายงานผลการอนุมัติสินเชื่อให้ประกันสังคม ไว้ตลอดอายุสินเชื่อ
“โครงการนี้ช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ การคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ และคงที่ตลอด 3 ปี ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ โดยมีเงื่อนไขให้ยังคงรักษาระดับการจ้างงานเอาไว้ เพื่อช่วยให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนยังคงมีรายได้ต่อเนื่อง และบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม” นายสุวรรณ กล่าว
ผู้สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดและสมัครขอสินเชื่อในโครงการได้ที่เจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ หรือ สำนักธุรกิจของธนาคารกรุงเทพทุกสาขา โดยยื่นคำขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 หรือ เมื่อเงินสนับสนุนตามโครงการครบจำนวนตามที่กำหนด
ติดตามข้อมูลมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ เพิ่มเติม ตลอดจนข้อมูลอื่นที่น่าสนใจ ได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทาง ได้แก่ www.bangkokbank.com, Bangkok Bank Line Official หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555