CEO คนใหม่ PTTGC  สานต่อ 3 Steps Plus ดันมาบตาพุดเป็น Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

0
36

“นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 เผยวิสัยทัศน์สร้างการเติบโตของ GC ด้วยการสานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus  ปรับพอร์ตสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนตํ่า (High Value & Low Carbon Business)  เสริมความแข็งแกร่งของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดให้เป็น Specialty & Innovation Hub ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในอีก 3-5 ปี  โดยมี Allnex และ Bio Complex เป็นหัวหอก

“มาบตาพุด มีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและทำเลที่เป็นศูนย์กลางการส่งออกสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดโลก  เราจึงเห็นการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ทันสมัยเกิดขึ้นมากมายในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งอัตราการใช้เคมีภัณฑ์ต่อประชากรยังเติบโตได้อีกมากเมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ ซึ่ง GC มีศักยภาพและสามารถร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมได้หลากหลาย จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ GC” นายณะรงค์ศักดิ์ กล่าวถึงศักยภาพของมาบตาพุด   

สำหรับกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน นายณะรงค์ศักดิ์ เผยว่า พร้อมสานต่อกลยุทธ์ 3 Steps Plus – ประกอบด้วย Step Change – Step Out – Step Up  เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันและการเติบโตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป   โดยนำความพร้อมด้านนวัตกรรม ศักยภาพการผลิตผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพที่มีความเชี่ยวชาญ มาต่อยอดและตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมใหม่ตามเทรนด์โลก

Step Out หรือการสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ โดยกลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ (High Value & Low Carbon Business) ขยายตลาดและสร้างสรรค์เคมีภัณฑ์ผ่าน allnex พันธมิตรที่ GC เข้าไปลงทุนถือหุ้น  มีโรงงานและฐานธุรกิจสารเคลือบผิว (Coating Resins) อยู่ในทวีปต่างๆ 34 แห่งทั่วโลก  ซึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนา China Hub และนำมาต่อยอดขยายฐานผลิตในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพการเติบโต ที่โรงงาน Mahad  รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย

และแห่งใหม่ในอนาคตที่อยู่ระหว่างการเจรจา คือมาบตาพุด ประเทศไทย โดยมีเป้าหมายให้เป็น Hub ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ในตลาดเคลือบผิวในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ บรรจุภัณฑ์ โลหะอุตสาหกรรม เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งเคลือบผิวอาคารแบบพิเศษ (Special Decoration)  

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Bio และ Green อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิต PLA ครบวงจรแห่งใหม่ ที่นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ (Nakhonsawan Bio Complex – NBC) โดยGC ถือหุ้น 50% ร่วมกับ Cargill มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งจะเป็น Bio Complex แห่งแรกของประเทศไทย โดยใช้น้ำตาลจากอ้อยเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อผลิต Lactic Acid ซึ่งนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต PLA มีกำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้าน Bio และ Green ของประเทศ สร้างโอกาสแก่ภาคเกษตรกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจไปอีกขั้น จะทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกเพื่อตอบสนองความต้องการวัสดุเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Material) สู่ตลาดโลก  

ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจ Bio และ Green นั้น NatureWorks ผู้ผลิตไบโอพลาสติกประเภทโพลิแลกติกแอซิด (PLA) ชั้นนำของโลก ใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพชนิดย่อยสลายได้ สามารถนำไปใช้ในหลากหลายแอปพลิเคชัน เช่น แคปซูลกาแฟ ถุงชา และ วัสดุสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ด้วยคุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืน   

Step Up หรือการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ GC สานต่อแนวทางการบูรณาการหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ภายใต้กรอบของ ESG ( Environmental – Social – Governance สิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล) พร้อมเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Target) ภายในปี 2593 โดยทำงานร่วมกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Capture and Storage (CCS) ทั้งในการศึกษาเรื่อง Carbon Capture Technology ผ่านการลงทุนใน Corporate Venture Capital (CVC) และการศึกษาโอกาสในการนำไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ (Blue/Green Hydrogen) ไปใช้และพัฒนาโมเดลธุรกิจเพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจแห่งอนาคต 

Step Change นายทศพร บุณยพิพัฒน์ President GC กล่าวว่า แนวทางสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และการรักษาฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง คือการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยง Value Chain ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด รวมถึงสามารถรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีมูลค่าสูงที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี เป็นการบริหารการลงทุนอย่างครบวงจรเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน  

ทั้งนี้กลยุทธ์ 3 Steps Plus ส่งผลให้ GC ได้รับรางวัลเกียรติยศในระดับประเทศและระดับนานาชาติมากมาย เช่น เป็นบริษัทหนึ่งเดียวในโลกที่ได้รับการจัดอันดับจากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ในกลุ่ม World Index ให้เป็นที่ 1 ในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ 5 ปีต่อเนื่อง โดย S&P Global และล่าสุดเป็นบริษัทไทยหนึ่งเดียวในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ และเป็น 1 ใน 7 องค์กรไทย จากทั้งหมด 350 องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้รับการประกาศเป็นองค์กรชั้นนำด้านสภาพอากาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2567 (Asia-Pacific Climate Leaders 2024) โดย Financial Times จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ Statista ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ 

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 ช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 GC มีรายได้การขายรวม 155,187 ล้านบาท จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ อะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 703 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยรับรู้ขาดทุนจากการดำเนินการปกติและรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานปกติ ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิรวม 606 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการรับมือและดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ