ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดมุมมองเชิงกลยุทธ์ ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและการลงทุน ปี 2567พาลูกค้า wealth เข้าถึงผลิตภัณฑ์เหมาะกับความต้องการและความเสี่ยงในทุกสภาวะตลาด ด้วยโซลูชั่นดีที่สุด ตั้งเป้าขยายฐาน CIMB Preferred โตปีละ 12% จากปัจจุบัน 1 แสนราย พร้อมสร้าง Wealth Manager ดึงผจก.สาขาที่เกษียณมาดูแลลูกค้า Wealth
นายติยะชัย ชอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออม ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567เศรษฐกิจจะชะลอตัวแบบ Soft Landing อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ธนาคารกลางในประเทศต่างๆรวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปด้วย โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับจากปัจจุบันที่ 5.25 – 5.50% ลงไปที่ 3.50 – 3.75% ในปี 2568 ซึ่งลูกค้ามีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะหุ้นกู้คุณภาพดี พันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้อื่นๆ เช่น Private Credit ที่มีคุณภาพสูง และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ Mortgage-backed securities
ทั้งนี้ ข้อได้เปรียบของ Wealth Management ซีไอเอ็มบีไทย คือการให้บริการซื้อ-ขายพันธบัตรและหุ้นกู้ในตลาดรอง ที่ลูกค้าสามารถขายคืนตราสารหนี้เมื่อได้กำไร และยังเป็นช่องทางซื้อตราสารหนี้คุณภาพดีเข้ามาในพอร์ท โดยมีทีม Wealth Research and Advisory ให้คำแนะนำ วิเคราะห์และปรับพอร์ทการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด เพื่อสร้างผลตอบแทนตามความต้องการและความสามารถในการรับความเสี่ยงของลูกค้า
“ปัจจุบันธนาคารมียอดซื้อขายหุ้นกู้ตลาดแรกและตลาดรองที่ประมาณ 70,000 ล้านบาท ตั้งเป้าในปี 2567 เติบโต 40% หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท สิ้นปียอดซื้อขายหุ้นกู้จะอยู่ที่ 120,000 ล้านบาท ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนในตลาดหุ้นกู้คือประมาณ 5-7 ปี โดยหุ้นกู้ในประเทศจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4-6% และหากลงทุนต่างประเทศด้วยสกุลเงินดอลลาร์ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 7-8%”
ขณะที่ตราสารทุน มีการรับรู้มุมมองเชิงลบต่อตลาดมากกว่าที่คาด ธนาคารจึงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจและปัจจัยพื้นฐาน โดยเน้นสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว ซึ่งไอเอ็มบีไทย มีทั้งกองทุนรวม หุ้นกู้ในและต่างประเทศ หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ structured product อาทิ Equity Linked Notes ที่สามารถออกแบบระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มประกัน ทั้ง Unit-Linked และ Universal Life ให้ลูกค้าปรับแต่งการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน
สำหรับลูกค้าที่ลงทุนกับ ซีไอเอ็มบีไทยอยู่แล้ว หากต้องการลงทุนเพิ่ม ก็มีวงเงินพิเศษ Wealth Credit Line เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการการลงทุน โดยลูกค้าไม่ต้องขายสินทรัพย์ในพอร์ท ขณะที่เงินฝากยังคงเป็นรากฐานหลักในการบริหารความมั่งคั่ง ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันในตลาดได้มากที่สุด ทั้งบัญชีออมทรัพย์ เงินฝากดิจิทัล เงินฝากประจำ และเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) รวมถึงบัญชีเงินฝาก CIMB Preferred ที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.2% และอัตราพิเศษเป็นโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่
“ในฐานะธนาคารระดับภูมิภาค ซีไอเอ็มบีไทย มีทีมวิเคราะห์และวิจัยของ Chief Investment Officer (CIO) ระดับภูมิภาค ที่ช่วยให้คำปรึกษาลูกค้า CIMB Preferred และเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในระดับภูมิภาค เช่น offshore insurance ประกันชีวิตที่มาพร้อมกับการจัดหาเงินทุนระดับพรีเมียม ที่ให้ความคุ้มครองสูงโดยลูกค้าสามารถกำหนดวงเงินชำระเบี้ยประกันและขอสินเชื่อได้โดยไม่ต้องรอให้กรมธรรม์มีมูลค่าเงินสด ซึ่งเป็นแบบประกันที่ยังไม่มีในไทย” นายติยะชัย กล่าว
คุณกมลพรพรรณ ภัทรฤทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการ กลยุทธ์ลูกค้าบุคคลธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ธนาคารมีแผนขยายฐานลูกค้า CIMB Preferred ให้เติบโตต่อเนื่องมากกว่า 12% ต่อปี ปัจจุบันสมาชิกประมาณ 100,000 ราย มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) 3.6 แสนล้านบาท โดยแบ่งลูกค้า 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม Preferred 3-10 ล้านบาท กลุ่ม Preferred Elite 10-30 ล้านบาท และ Private Wealth 30 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจากการศึกษาความต้องการของลูกค้า พบว่าแต่ละกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์การลงทุนของธนาคารมีจุดแข็งเรื่องความหลากหลายและครบทุกความต้องการ จึงสามารถคัดสรร และนำเสนอผลิตภัณฑ์และรูปแบบบริการได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
ทั้งนี้ ธนาคารโฟกัสไปที่กลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ (Next generation investor) รวมถึงกลุ่ม mass affluent โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ Generation ที่ 2 ที่ 3 ที่กำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทในการบริหารความมั่งคั่งของครอบครัว ที่สนใจเรื่องการวางแผนการลงทุน คนกลุ่มนี้สนใจใฝ่หาความรู้ใหม่ตลอดเวลา ไม่เพียงแค่สภาวะตลาด การลงทุน แต่รวมถึงทักษะการเป็นผู้นำ
“CIMB Group มีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายอาเซียน มีกิจกรรมส่งเสริมและจัด Next Generation Leadership Program ให้ลูกค้า private wealth ในภูมิภาคอาเซียน ให้มีความรอบรู้และมีความพร้อมในการที่จะขึ้นมารับบทบาทสำคัญต่อจากครอบครัว เรานิยามคนรุ่นใหม่ที่มีความมั่งคั่งสูงว่าเป็น Global Citizen มีศักยภาพในการใช้ชีวิต ทำธุรกิจ และลงทุนอย่างไร้พรมแดน ซึ่ง CIMB Thai และ CIMB Group ตอบโจทย์ลงทุนครอบคลุม onshore และ offshore”
นายสุวดิศ ดิสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารช่องทางการขายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า Wealth พบว่า CIMB Thai ได้รับคะแนนในอันดับต้นๆมาโดยตลอด ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าเชื่อมั่น คือความรู้ความสามารถและการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล ซึ่งธนาคารได้พัฒนาศักยภาพพนักงานอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องในทุกช่วงอายุการทำงาน ตั้งแต่เข้ามาร่วมงานโดยใช้ระบบสมุดพกนักเรียน (Learning Passport) และระบบพี่เลี้ยงและเพื่อนคู่หู (Coach & Buddy) เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานใหม่ทุกคนจะสามารถดูแลลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยทุกวันทำการเวลา 08.00 น.จะมีการอัพเดทข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลผลิตภัณฑ์ สภาวะตลาด เศรษฐกิจ ความรู้ ให้ทันสมัยและทันเหตุการณ์ เพื่อให้พร้อมกับการให้คำแนะนำลูกค้าในทุกๆวัน
ล่าสุด ธนาคารได้เริ่มโครงการ “Wealth Manager” รับผู้จัดการสาขาหรือเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าที่เกษียณอายุ ที่ยังมีพลังในการทำงาน กลับมาร่วมงานอีกครั้ง และในอนาคตจะพิจารณาเปิดรับพนักงานเกษียณอายุแต่ยังมีไฟจากสถาบันการเงินอื่นด้วย
โครงการดังกล่าวได้ประโยชน์ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. พนักงานที่เกษียณ ที่ยังมีความรู้ ความสามารถ มีพลังในการทำงาน ได้ทำงานดูแลลูกค้าต่อไป
2. ลูกค้ารู้สึกอุ่นใจ มั่นใจที่ได้รับการดูแลต่อเนื่องโดยเจ้าหน้าที่ที่คุ้นเคย
3.พนักงานในระดับถัดไป มีโอกาสเติบโตขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของผู้ที่เกษียณ
4.ธนาคารสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและพนักงาน
“ โครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพนักงานที่กำลังจะเกษียณ และคาดว่าจะสำเร็จตามเป้าหมาย ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา”
