บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จัดงานสัมมนาออนไลน์ “Investment Outlook: Different World, Different Playbook” เพื่ออัปเดตมุมมองการลงทุนจากกลุ่ม Eastspring Investment และเจาะลึกเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนให้ตรงตามเป้าหมาย
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่าปี 2565 เป็นปีที่ท้าทายมาก ต้องเผชิญทั้งปัญหาเศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆที่ไม่คาดคิด ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ครอบคลุมทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และเอเซีย ดังนั้นการลงทุนจึงควรจัดพอร์ตให้สมดุลระหว่างความเสี่ยงและโอกาสทำกำไร เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป อาจทำให้พอร์ตเผชิญกับความผันผวนโดยไม่จำเป็น

Mr. Bill Maldonado, Chief Investment Officer, Eastspring Investments กล่าวว่า เศรษฐกิจเอเชียยังคงได้รับผลบวกจากการผ่อนคลายมาตรการ COVID ทั้งไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ขณะที่จีน แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะลดลง แต่การสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งมาตรการลดภาษี และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ ซึ่งต้องใช้เวลากว่าจะสะท้อนให้เห็นในภาคเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะเห็นนโยบายการเงินการคลังที่เป็นเชิงรุกมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น A-share ของจีน
สำหรับแนวโน้มในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นสาเหตุของความผันผวนในตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกอาจได้รับผลกระทบจากภาวะหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย แม้จะรับรู้ถึงความเสี่ยงเหล่านี้แล้ว แต่ยังต้องระมัดระวัง โดยในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนและเงินเฟ้อสูง ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่น่าสนใจ รวมทั้งหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ หุ้นคุณค่า และหุ้นปันผล
นอกจากนี้ ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่กำลังทำจุดสูงสุดจะเป็นโอกาสในการซื้อตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยตราสารยาวขึ้น
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนว่า อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยเป็นทิศทางขาขึ้น เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเผชิญภาวะถดถอย อย่างไรก็ตามราคาหุ้นและตราสารหนี้เริ่มกลับมาน่าสนใจ
โดยมีมุมมองบวกกับหุ้นสหรัฐฯ ในหุ้นกลุ่มเติบโต หากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุดจะเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน ซึ่งในอดีตหลังจากมีการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 2-3 ครั้ง ตลาดจะเริ่มยืนได้ และกลับมาให้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้นเมื่อแนวโน้มเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวลงจะส่งผลดีต่อกลุ่มเติบโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับหุ้นจีน ยังคงได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำและมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ แม้ว่าอาจต้องเผชิญกับความกังวลจากภาระหนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า ขณะที่หุ้นเวียดนาม เหมาะที่จะลงทุนในระยะยาว ส่วนหุ้นไทยมีมุมมองบวกต่อหุ้นผันผวนต่ำ และหุ้นปันผลสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและการเมืองน้อย
นอกจากนี้แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักในสินทรัพย์ทางเลือกที่มีรายได้สม่ำเสมอ มีความผันผวนต่ำ และมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่นต่ำ เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐาน
“ การจัดพอร์ตลงทุนโดยไม่ให้น้ำหนักในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป ถือเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ช่วยลดความผันผวน ระหว่างทางที่ลงทุนได้ทุกสภาวะ และหากผู้ลงทุนมีการจัดพอร์ตที่เหมาะกับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้จะยิ่งทำให้ผู้ลงทุนสามารถบรรลุเป้าหมายได้”