FINNOMENA (ฟินโนมีนา) เผยคนไทยสนใจเรื่องการลงทุนมากขึ้น เทรนด์การลงทุนเปลี่ยนไป การลงทุนแบบ DIY มาแรงขึ้นแท่นแผนยอดนิยม เหตุคนรุ่นใหม่ชอบเลือกด้วยตนเอง เตือนตลาดการลงทุนปี 2565 ผันผวน ต้องกระจายความเสี่ยง ควรจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสม นำเสนอ “Guru Port ลงทุนตามกูรูชั้นนำ” เพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนรับความเสี่ยงจากปัจจัยเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและเงินเฟ้อพุ่ง
นายกสิณ สุธรรมนัส CEO & Co-Founder บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2565 เป็นปีที่ท้าทายของตลาดการลงทุน เนื่องจากมีความผันผวนและปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางทั่วโลกจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว เพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ และหากเงินเฟ้อไม่ชะลอตัวลง ความเสี่ยงของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยิ่งสูงขึ้น ในแง่ของการลงทุนจึงจำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงและเพิ่มการตั้งรับในภาพรวมให้เหมาะสม
ทั้งนี้จากข้อมูลของผู้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม FINNOMENA พบว่าอาชีพที่สนใจลงทุนสูงสุด 52% เป็นพนักงานบริษัทเอกชน รองลงมาเป็นธุรกิจส่วนตัว 12% และข้าราชการ 10% สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจด้านการลงทุนของคนไทย ที่เน้นเป็นกลุ่มคนทำงานมากขึ้น โดยสัดส่วนอายุของนักลงทุน 35% อายุ 30-39 ปี และ28% อายุ 20-29 ปี ซึ่งบ่งบอกถึงภาพรวมของเทรนด์การลงทุนที่เปลี่ยนไป โดยแผนการลงทุนยอดนิยมของคนไทยคือการเลือกลงทุนด้วยตนเองหรือแบบ DIY สูงถึง 40% รองลงมา 20% เป็นการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในกองทุนรวมลดหย่อนภาษี และ 10% เป็นการลงทุนเพื่อเป้าหมายเงินเก็บ 1 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงาน FINNOMENA (ฟินโนมีนา) สามารถตอกย้ำความเป็นอันดับหนึ่ง ในภาวะที่บริษัทนายหน้าซื้อขายกองทุนในประเทศไทยแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ด้วยผลกำไรที่เติบโตกว่า 497.77% จากปี 2563 ที่มีกำไร 4.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 29.6 ล้านบาท ขณะที่รายได้เติบโตจาก 159.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 466.35 ล้านบาท ในปี 2564 หรือ เพิ่มขึ้น 192.69%
ดร.แอนดรูว์ สต๊อทซ์ นักวิเคราะห์และนักวิจัย ผู้มีประสบการณ์ในแวดวงการเงินและการลงทุนมากว่า 20 ปี ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้ง A.Stotz Investment Research (ASIR) กล่าวถึง โครงการ Guru Port ลงทุนตามกูรูชั้นนำว่า เป็นโครงการที่เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2562 โดยพอร์ตที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น ได้แก่ พอร์ต A.Stotz All-Weather Strategy ที่ได้ออกแบบและร่วมพัฒนากับทางฟินโนมีนา นำมาสู่การร่วมกันออกแบบพอร์ตที่ 2 คือ All-Weather Alpha Focus ที่นักลงทุนให้ความสนใจร่วมลงทุน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 2 พันกว่าล้านบาท และเร็วๆ นี้ กำลังร่วมมือกันในการออกแบบพอร์ตการลงทุนที่ 3 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงในสถานการณ์ตลาดที่ผันผวนอย่างทุกวันนี้
สำหรับโครงการ Guru Port ในปีนี้ FINNOMENA ได้ร่วมมือกับกูรูด้านการลงทุน อย่าง Deepscope, BottomLiner และ MacroView นำแนวคิดที่โดดเด่นของแต่ละกูรูมาพัฒนาเป็นพอร์ตการลงทุนทางเลือกสำหรับการตัดสินใจของนักลงทุนในสภาวะที่ตลาดมีความผันผวน ซึ่งแต่ละพอร์ตของทั้ง 3 กูรู จะมีความพิเศษและแตกต่างกันออกไป เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกตามความเหมาะสม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- Guru Port – Growth Momentum AI (GMAI) โดย Deepscope: พอร์ตลงทุนที่เน้นการลงทุนในกองทุนที่ NAV เติบโตเร็วด้วย momentum ผ่านการคัดเลือกโดย AI จาก Deepscope ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนา AI สำหรับการลงทุน
- Guru Port – Optimal Megatrend Opportunities (OMO) โดย BottomLiner: ลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นธีม เมกะเทรนด์ โดยปรับระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ได้รับ ในระดับที่ควบคุมได้
- Guru Port – MRI โดย MacroView: ลงทุนผ่านแนวทางการสแกนกองทุนด้วยปัจจัยเชิง Macro ความเสี่ยง (Risk) และการวิเคราะห์แบบ Induction (MRI)
ปี 2565 เป็นอีกปีแห่งความท้าทายของการลงทุน โดยเฉพาะปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แม้ว่าขณะนี้หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติกันอีกครั้ง แต่เศรษฐกิจก็อาจจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ ขณะที่ราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อเงินเฟ้อที่สูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้น การลงทุนเพื่อลดความผันผวน จำเป็นต้องจัดพอร์ตในภาพรวมให้เหมาะสม โดยผู้ที่สนใจลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/guruport/