Finnomena เปิดตัว “KAsset Global Perspective Portfolio” ชูพอร์ต Multi Asset  คาดผลตอบแทนชนะทุกภาวะตลาด

0
139

Finnomena จับมือ KAsset เปิดตัว “KAsset Global Perspective Portfolio” โดย KAsset จับมือ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) พัฒนาขีดความสามารถในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลก ยกระดับการลงทุนไทย หวังผลตอบแทน 6-8% ต่อปี  

นายกสิณ สุธรรมนัส CSO and Co-Founder /Coach Gigs Global Allocation และบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา จำกัด บลน.ฟินโนมีนา หรือ FINNOMENA เปิดเผยว่า  “KAsset Global Perspective Portfolio” เป็นโมเดลการลงทุนรูปแบบที่ 34 ของฟินโนมีนา และเป็น Fund House Port ลำดับที่ 9 ที่ฟินโนมีนาร่วมกับแต่ละ บลจ.ออกแบบจัดพอร์ตลงทุน  โดยเชื่อว่าจุดเด่นในการกระจายความเสี่ยงลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆทั่วโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ และการปรับพอร์ตทุกไตรมาสให้เหมาะสมกับฐานะการลงทุน  จะสร้างพอร์ตลงทุนได้ 1,000 ล้านบาท ภายในครึ่งแรกของปี 2567  

โดยเสนอขายผ่านแพลตฟอร์ม Finnomena  ผู้ให้บริการด้านการลงทุนแบบครบวงจร ดูแลนักลงทุนไทยกว่า 256,000 คน ด้วยเงินลงทุนรวมกว่า 40,000 ล้านบาท (ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567) พร้อมด้วยสินทรัพย์ทางการเงินให้นักลงทุนได้เลือกสรร ทั้งกองทุนรวม เงินฝาก สินเชื่อออนไลน์ระหว่างบุคคล ตราสารหนี้ หุ้นกู้คราวด์ฟันด์ดิ้ง และอีกมากมายที่จะตามมาในอนาคต 

นายปณตพล ตัณฑวิเชียร ,CFA, รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสารสนเทศ ทางด้านการบริหารจัดการการลงทุน บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset กล่าวว่า เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ KAsset จับมือ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) ให้มุมมองในการคัดเลือกและจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลก สร้างความเข้าใจเชิงลึกให้ผู้ลงทุนไทย  เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน  ซึ่งปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดผันผวน ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย วิกฤตภูมิอากาศ  ภูมิรัฐศาสตร์ และอื่น ๆ ซึ่งสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดตลอดไป การกระจายการลงทุนจึงเป็นกลยุทธ์ที่เติบโตได้ต่อเนื่องทุกสภาวะตลาดในระยะยาว

ทั้งนี้ “KAsset Global Perspective Portfolio” จัดพอร์ตลงทุนอ้างอิงตาม ดัชนี MSCI World  กระจายความเสี่ยงโดยลงทุนในกองทุนหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือกในหลายตลาดหลายประเทศ หากสินทรัพย์ใดหรือประเทศใดเกิดปัญหา  สินทรัพย์อื่นๆและตลาดอื่นๆจะช่วยพยุงพอร์ตรวมเอาไว้   

“KAsset ตระหนักถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน  เพราะการจับทางความเปลี่ยนแปลงวงจรเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นยากขึ้น  KAsset Global Perspective Portfolio จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่สามารถต่อยอดสินทรัพย์เพื่อสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน เหมาะสำหรับกลุ่มคนมั่งคั่ง  โดยแนะนำให้ถือระยะยาว 3 – 5 ปี ลงทุนขั้นต่ำที่ 500,000 บาท”

ทั้งนี้ผลตอบแทนของ KAsset Global Perspective Portfolio ตั้งแต่เริ่มต้นเดือนตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน ให้ผลตอบแทน 16% และในช่วง 1 เดือนย้อนหลังของปี 2567 ให้ผลตอบแทน 4% 

นางสาวมทินา วัชรวราทร, CFA ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset  เปิดเผยว่าการลงทุนไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น แต่เปรียบเป็นการวิ่งมาราธอน  ที่จัดพอร์ตอย่างสมดุลด้วยการผสมผสานหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก (Multi Asset)   ช่วยจำกัดความเสี่ยง และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ  เป็นพอร์ตการลงทุนที่ตอบโจทย์ในทุกสภาวะตลาด  โดยกองทุน Fund House Port “KAsset Global Perspective Portfolio” เน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลก ผ่าน 13 กองทุน ของ บลจ.กสิกรไทย ที่คัดกรองแล้วว่าให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ และเหมาะแก่การถือลงทุนในระยะยาว

โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นพอร์ตหลัก (Core)  80% เน้นการเติบโตระยะยาว และพอร์ตรอง 20% (Satellite) เน้นการลงทุนระยะสั้นเพื่อสร้างผลตอบแทนให้มากขึ้น  โดยคาดว่าลงทุนในระยะเวลา 3-5 ปี ผลตอบแทนจะอยู่ที่ 6-8%

สำหรับพอร์ตหลัก (Core Port) กำหนดสัดส่วนไว้ที่ 80%  เป็นตัวหลักในการสร้างการเติบโตให้แก่พอร์ตลงทุน ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยลงทุนในหุ้น 60% ในธีมหลักๆของโลกและในตลาดที่มีศักยภาพเติบโตได้ โดยให้น้ำหนักการลงทุนอ้างอิงตามดัชนี MSCI World  ในตลาดสหรัฐ ยุโรป จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และไทย  ลงทุนในตราสารหนี้ 8%  และอีก 6% ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ และ  ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)  

ขณะที่พอร์ตรอง (Satelite) สัดส่วน 20% จะเน้นการจับจังหวะตลาด เน้นสินทรัพย์ที่เป็นทิศทางขาขึ้น หาผลตอบแทนในระยะสั้น โดยทบทวนปรับพอร์ตทุกไตรมาส เพื่อมองหาผลตอบแทนเพิ่มเติม

“พอร์ตหลักเป็นพอร์ตที่นิ่ง เป็นพอร์ตวิ่งมาราธอนที่ทนทานต่อความผันผวนของตลาด ด้วยการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน  แม้จะมีการเปลี่ยนแปลง  หรือวิกฤตต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างทาง  พอร์ตหลักก็จะไม่เสียหายหรือขาดทุนมากเกินกว่าตลาด  ขณะที่พอร์ตรองจะเป็นตัวสนับสนุนและเพิ่มผลตอบแทนของพอร์ตหลักให้มีมากขึ้น” นางสาวมทินา กล่าวสรุป