Health & Wellness ธุรกิจดาวรุ่ง

0
65

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) สำรวจผู้บริโภคชาวไทยในด้านสุขภาพและเวลเนส พบว่า ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแล รักษา และป้องกันสุขภาพมากขึ้น ส่งผลต่อเนื่องให้ธุรกิจสุขภาพและเวสเนส (Health & Wellness) มาแรงทั้งในระดับโลกและในไทย  โดยเฉพาะธุรกิจสุขภาพและเวลเนสด้านดูแล รักษาและป้องกัน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจเวชศาสตร์ป้องกัน แพทย์ทางเลือก สุขภาพจิต และ Wellness real estate มีศักยภาพในการเติบโตค่อน

4 กลุ่มธุรกิจสุขภาพและเวลเนสด้านดูแล รักษา และป้องกันที่มาแรงและกำลังเติบโต

  • ธุรกิจเวชศาสตร์ป้องกัน : เป็นผลจากวิกฤตโควิด-19 ที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญต่อเวชศาสตร์ป้องกัน ทั้งการตรวจสุขภาพ การเข้ารับวัคซีน การตรวจเลือดกับห้องแล็บ การตรวจคัดกรองโรค และการตรวจยีน อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังมีความกังวลด้านค่าใช่จ่ายที่สูง โดยผู้ที่มีสิทธิรักษาพยาบาลในด้านเวชศาสตร์ป้องกันอย่างเช่นการตรวจสุขภาพจะมีการใช้บริการที่มากกว่า อีกทั้ง การบริการรูปแบบใหม่อย่าง Telemedicine ยังเข้าถึงผู้บริโภคได้ไม่มากนัก ซึ่งต้องประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมให้เกิดการใช้งานต่อไป
  • ธุรกิจแพทย์ทางเลือก : ปัจจุบันแพทย์ทางเลือกเป็นศาสตร์การรักษาที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นโดยเฉพาะแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน และธรรมชาติบำบัด โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ซึ่งคลินิกเฉพาะทาง และโรงพยาบาลยังคงเป็นสถานที่ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกใช้บริการเนื่องจากมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ อย่างไรก็ดี ชื่อเสียงของสถานที่และแพทย์ ราคาที่เหมาะสม คุณภาพการให้บริการ และอุปกรณ์ที่สะอาด ทันสมัย เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้บริการ
  • ธุรกิจด้านสุขภาพจิต : กลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มวัยทำงานให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตตนเองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ซึ่งคนไทยกว่าครึ่งเผชิญภาวะเครียดสะสมและนอนหลับ ภาวะหมดไฟในการทำงาน   ซึ่งผู้ที่เผชิญปัญหาระดับไม่รุนแรง มักเลือกฟื้นฟูด้วยตัวเอง  แต่ถ้าจำเป็นต้องปรึกษาจะเลือกปรึกษาจิตแพทย์/นักจิตบำบัดในคลินิกสถานพยาบาล/โรงพยาบาลเป็นหลัก ตามด้วยการปรึกษาทางโทรศัพท์อย่างสายด่วนสุขภาพจิตของกรมสุขภาพจิต ขณะที่บริการปรึกษาสุขภาพจิตผ่าน Telemedicine ยังเข้าถึงผู้บริโภคได้ไม่มากนัก
  • ธุรกิจ Wellness real estate : เป็นอีกธุรกิจที่กำลังเป็นที่สนใจจากผู้บริโภคค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Baby boomer และ Gen X ซึ่งปัจจัยด้านราคาที่เหมาะสม ระบบการดูแลบริการลูกบ้าน และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุส่งผลให้ผู้บริโภคจะสนใจ Wellness real estate มากกว่า Real estate ทั่วไป

อย่างไรก็ดี แม้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังไม่มีแผนที่จะซื้อ Wellness real estate มากนัก แต่ Wellness real estate รูปแบบบ้านเดี่ยว/บ้านแฝด ถือเป็นกลุ่มที่ผู้บริโภควางแผนซื้อสูง โดยระดับราคาที่เหมาะสมและสามารถเจาะฐานลูกค้าได้กว้างขึ้นจะอยู่ที่ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท  และหากมีระบบรองรับเหตุฉุกเฉิน 24 ชม. การให้บริการทางการแพทย์ บริการอาหารสุขภาพ และการออกแบบการใช้งานที่เหมาะกับผู้สูงอายุจะยิ่งสร้างจุดเด่นมากยิ่งขึ้น

แนะภาคธุรกิจเร่งสร้างความเชื่อมั่น

อย่างไรก็ตาม  แม้ธุรกิจสุขภาพและเวลเนสด้านดูแล รักษา และป้องกันจะกำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น แต่การใช้บริการในปัจจุบันอาจยังไม่สูงมากนัก จึงจำเป็นที่ภาคธุรกิจจะต้องสร้างความเชื่อมั่นและเปลี่ยนมุมมองผู้บริโภคเพื่อให้บริการได้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยกลยุทธ์หลักที่จะสามารถเจาะตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคยอมเปิดใจในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

1. การจับมือระหว่างผู้ประกอบการเพื่อให้บริการที่เป็นเลิศและหลากหลาย สร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจ เช่น Wellness real estate จับมือกับโรงพยาบาลในการให้บริการเวชศาสตร์ป้องกันและการรักษาทางการแพทย์ และร่วมมือกับร้านอาหารชื่อดังในการให้บริการอาหารสุขภาพ

2. ราคาที่เข้าถึงได้  เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและใช้บริการด้านสุขภาพและเวลเนส ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูง  ดังนั้นการตั้งราคาที่เข้าถึงได้ ควบคู่กับส่วนลดโปรโมชัน และทำให้ผู้บริโภคเห็นถึงความคุ้มค่าของการใช้บริการ จะดึงดูดและจูงใจผู้บริโภคให้มาใช้บริการมากขึ้น

3. ให้ทดลองใช้บริการ เพื่อสร้างความคุ้นชิน ประสบการณ์และให้ผู้บริโภคเห็นประโยชน์ของสินค้า/บริการด้านสุขภาพและเวลเนส อีกทั้ง ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการต่อเนื่องในอนาคต

อ่านต่อรายงานฉบับเต็มได้ที่… https://www.scbeic.com/th/detail/product/health-and-wellness-survey-170124

ผู้เขียนบทวิเคราะห์ :  ดร.กมลมาลย์ แจ้งล้อม นักวิเคราะห์อาวุโส, ปุญญภพ ตันติปิฎก  นักวิเคราะห์, กีรติญา ครองแก้ว นักวิเคราะห์