จากจำนวนธุรกรรมซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า และอายุของผู้ใช้โมบายแบงกิ้งมีอายุเฉลี่ยมากขึ้น จากเดิม 25-39 ปี เป็น 40-50 ปี สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับดิจิทัลมากขึ้น ตอกย้ำถึงกระแสของเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่เข้ามาแทรกอยู่ในแทบทุกขั้นตอนชีวิต
ท่ามกลางกระแสเทคโนโลยีและนวัตกรรม กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ผู้นำด้านไฟแนนเชียล เทคโนโลยี ได้ทรานส์ฟอร์เมชั่นครั้งสำคัญ ทั้งวัฒนธรรมองค์กร และกระบวนการทำงาน (Agile Transformation) และการให้พนักงานมีส่วนร่วม (Transformation Community) ภายใต้แนวคิด “วัน เคบีทีจี” (One KBTG) เพื่อผลักดันให้ KBTG เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง เพื่อเป้าหมาย ใน 5 ปี เป็น “one of the best technology in Southeast Asia”
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 KBTG ยังคง Tranform และ Innovate อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงความต้องการของทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้าให้มากที่สุด อาทิ แอปพลิเคชัน “ขุนทอง” แชทบอทเหรัญญิกผู้ช่วยในการเก็บเงิน มีลูกค้าดาวน์โหลดกว่า 500,000 ราย แอปพิเคชัน “Make” โมบายแบงกิ้งสำหรับคนรุ่นใหม่ ดาวน์โหลดแล้ว 20,000 ราย “Eatable” แพลตฟอร์มบริการสั่งอาหารรูปแบบใหม่ ตั้งเป้าร้านค้า 10,000 ราย และมีพันธมิตรใช้ Contactless Technology 20 ราย และล่าสุดได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเปิดตลาดทุนแบบใหม่ในประเทศไทย ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางการระดมทุนและลงทุนในผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มใหม่ เช่น Deep Tech Research
สำหรับแอปพลิเคชัน K+ ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานประมาณ 14 ล้านคน และคาดว่าจะมียอดทำธุรกรรมทำสถิติกว่า 20,000 ล้านรายการในปี 2563 โดยยอดธุรกรรมโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกวันคือ New Record ดังนั้น KBTG ซึ่งทำหน้าที่ดูแล Infrastructure ทั้งหมดของ KBank ต้องวิ่งให้เร็วกว่า Record ที่กำลังเติบโตโดยไม่มีสัญญานที่จะหยุด
“ Innovation ไม่ได้เป็นแฟชั่น แต่เป็น DNA เป็นจิตวิญญาณ เป็น Culture ของคน KBTG เป็นความมุ่งมั่นที่เราเอาจริงทางด้านนวตกรรม ความมุ่งมั่นที่จะดึงเอา Innovation ของคนที่มาอยู่ร่วมกันออกมาให้มากที่สุด ดังนั้นเราจะมองแค่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้หรือปีหน้าไม่เพียงพอ เราต้องมองไปไกลกว่านั้น ต้องเดินนำอนาคตไป 1 ก้าวเสมอ ไม่เช่นนั้นอนาคตจะเดินมาชนเรา”
ตั้ง 3 Development Hub
พุ่งเป้า “Regional Digital Banking”
นายเรืองโรจน์ เปิดเผยว่า KBTG ได้ตั้ง Development Hub ขึ้นใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และจีน เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีได้ทันกับโครงสร้างการให้บริการของธนาคารกสิกรไทยและพันธมิตรที่มุ่งสู่ดิจิทัล แบงกิ้ง
โดยปัจจุบัน ธนาคารกสิกรไทย ประสบความสำเร็จในการให้บริการ QR KBank ใน สปป.ลาว และได้ขยายบริการจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปที่สะหวัดนะเขตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้ว 70,000 ราย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 200,000 ราย
สำหรับหรับประเทศเมียนมา ได้ร่วมกับเอยาวดี ฟาร์มเมอร์ ดีเวลลอปเม้นท์แบงก์ หรือเอแบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่ธนาคารกสิกรไทยร่วมลงทุน เตรียมนำแอปพลิเคชัน K+ ไปพัฒนาใช้ในเมียนมาในชื่อ A+ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความนิยมเช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย จนเป็นแอปฯ การเงินอันดับหนึ่งในขณะนี้
ส่วนในประเทศจีน KBTG เปิด K-TECH ที่เมืองเชินเจิ้น ประเทศจีน โดยมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านหยวนเรียบร้อยแล้ว ตั้งเป้าจะรับพนักงานประมาณ 300 คน โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการทางเงินสำหรับธนาคารกสิกรไทยในประเทศจีนและประเทศอื่น และพันธมิตร โดยธนาคารกสิกรไทยในจีนมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดไปสู่ลูกค้ารายย่อยในการปล่อยสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่ยังมีช่องว่าง ในลักษณะที่เป็น Digital Lending
“ อีกเป้าหมายสำคัญที่อยากทำให้ได้ คือ “Think Thailand Think KBTG” เมื่อพูดถึงบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศไทย ทุกคนต้องนึกถึง KBTG เช่นเดียวกับเมื่อพูดถึงอินโดนีเซีย ต้องนึกถึง gojek หรือ traveloka” นายเรืองโรจน์กล่าว