KKP เผยแผนปี 67 ชู ธนาคาร-เวลธ์-วาณิชธนกิจ รองรับตลาดการเงินยุคใหม่

0
89

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP เผยแนวทางธุรกิจปี 2567 มุ่งสามแกนหลัก สร้างสมดุลของแหล่งรายได้ ธุรกิจธนาคาร-สินเชื่อเติบโตอย่างมีคุณภาพ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตสินเชื่อรวมที่ 3%  ธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งและบริหารการลงทุนลูกค้าบุคคล-ยกระดับการให้บริการทัดเทียมสากล ธุรกิจวาณิชธนกิจ-ใช้ความชำนาญสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม

ด้านผลประกอบการปี 2566 กำไรลดลงจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ลูกค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และสภาวะตลาดทุนที่ซบเซา ขณะที่ช่องทางการให้บริการดิจิทัล  เช่น Dime และ Digital Edge ขยายฐานลูกค้ารวมกว่า 700,000 ดาวน์โหลด  ด้านธุรกิจจัดการกองทุนรวม มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้น40%  

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ว่า  พัฒนาการตลาดเงินและตลาดทุนของโลกไม่จำกัดอยู่เพียงสินเชื่อธนาคาร  ดังนั้นกลุ่มธุรกิจฯ จึงมุ่งพัฒนาต่อยอดธุรกิจบน 3 แกนหลัก คือ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งและบริหารการลงทุนลูกค้าบุคคล และธุรกิจวาณิชธนกิจ เพื่อสร้างการเติบโตที่เข้มแข็งจากหลายช่องทาง

โดยธุรกิจธนาคารพาณิชย์จะเป็นฐานของรายได้ที่เติบโตตามขนาดของ Balance Sheet จึงมุ่งระดมเงินฝากตอบสนองความต้องการขยายสินเชื่อ  นขณะที่ธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งและบริหารการลงทุนลูกค้าบุคคล และธุรกิจวาณิชธนกิจ มุ่งยกระดับการให้บริการให้ทัดเทียมสากล เพื่อสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม ที่เป็นการใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพและมีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ

นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลประกอบการในปี 2566 กำไรลดลงจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ลูกค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและภาวะดอกเบี้ย และการเปลี่ยนแปลงของราคารถยนต์ ธนาคารจึงมุ่งการจัดการและบริหารคุณภาพสินทรัพย์ พร้อมขยายสัดส่วนตลาดที่เครดิตมีคุณภาพดีผ่านสินเชื่อรถแลกเงิน  โดยปี 2567 ตั้งเป้าขยายการเติบโตสินเชื่อรวมที่ 3% ภายใต้การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมยายผลจากแพลตฟอร์มบริการดิจิทัล Digital Edge และ Dime เพื่อการเข้าถึงและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

นายปรีชา เตชรุ่งชัยกุล ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจฯ มีกำไรสุทธิ 5,443 ล้านบาท ลดลง 28.4% เป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน 1,078 ล้านบาท  โดยการตั้งสำรองปี 2566 มีการตั้งสำรองส่วนเพิ่ม 600 ล้านบาท ตามหลักความระมัดระวังสำหรับสินเชื่อขนาดใหญ่รายหนึ่ง ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต ณ สิ้นปี 2566 อยู่ในระดับสูงที่164.6% 

ทั้งนี้ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 22,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น16.8% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 6,469 ล้านบาท ลดลง 23.5% จากปี 2565 มีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio)คำนวณตามเกณฑ์ Basel III ซึ่งรวมกำไรถึงสิ้นปี  2566 อยู่ที่ร้อยละ 16.2 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 จะเท่ากับร้อยละ 12.8