KTAM จับมือ KKPS เปิดขาย 2 กองทุนใหม่ รุกตลาด Private Credit

0
42

Private Credit หรือการให้สินเชื่อนอกตลาดเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้เป็นอย่างดี  และกำลังเป็นที่นิยม  KTAM จึงเปิดขายกองทุนใหม่ KTPCRED-UI และ KTPCREDH-UI ความเสี่ยงสูงระดับ 8+ ลงทุนขั้นต่ำ 5 แสนบาท

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน Private Credit หรือการให้สินเชื่อนอก เป็นหนึ่งในการลงทุนทางเลือกที่น่าสนใจและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี จึงได้เปิดเสนอขาย 2 กองทุนใหม่ ทั้งแบบป้องกันความเสี่ยงตามดุลพินิจผู้จัดการกองทุน และแบบไม่ป้องกันความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ให้นักลงทุนเลือกตามความเสี่ยงที่รับได้

กองทุนเปิดเคแทม U.S. Private Credit Unhedged ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KTPCRED-UI) และกองทุนเปิดเคแทม U.S. Private Credit ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KTPCREDH-UI) (ความเสี่ยงระดับ 8+)  ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้เป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน โดยจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 27 พ.ค. – 12 มิ.ย. 67 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ผ่านบลจ.กรุงไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เท่านั้น

โดยกองทุน KTPCRED-UI และ KTPCREDH-UI เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Ares Strategic Income Offshore Access Fund (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class I UD เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักมีเป้าหมายที่จะลงทุนในกองทุน Ares Strategic Income Fund (ASIF) (กองทุนอ้างอิง) อย่างน้อย 95% ของทรัพย์สินของกองทุน ซึ่ง ASIF จะมุ่งเน้นในการสร้างกระแสรายได้ระดับสูงและเพิ่มการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตโฟลิโอ ผ่านแพลตฟอร์มเครดิตชั้นนำของ Ares ที่เน้นการทำ Direct Lending เป็นหลัก

ทั้งนี้กองทุน KTPCRED-UI ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้ ส่วน KTPCREDH-UI มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ต้องรับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนจากการลงทุน  

สำหรับ Private credit คือการปล่อยสินเชื่อ โดยปล่อยกู้ให้กับบริษัทต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย โดยผู้ให้กู้แก่นักลงทุนไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (non-bank) ในขณะที่บริษัทที่มาขอสินเชื่อเงินส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทนอกตลาด หรือที่เรียกว่า Private Company เป็นหลัก  ซึ่งปัจจุบัน Private Credit เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ธนาคารพาณิชย์เริ่มลดบทบาทในการเป็นแหล่งเงินกู้ บริษัทจัดการลงทุนจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทเป็นแหล่งเงินทุนแทน ด้วยเกณฑ์กำกับที่ยืดหยุ่นกว่า โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงพอร์ตโฟลิโอที่เน้นสร้างรายได้และจ่ายอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ช่วยสร้างมูลค่าและลดความเสี่ยงจากดอกเบี้ยขาขึ้น

ทั้งนี้ผู้จัดการกองทุนอ้างอิง  Ares Strategic Income Fund มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ผ่านทุกวัฏจักรของตลาด รวมถึงมีผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงที่โดดเด่น (Risk-adjusted Return) บริหารจัดการโดยทีมบริหารที่แข็งแกร่ง ด้วยสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมูลค่า419 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่ใหญ่ในระดับโลก (ที่มา: Ares Management, 31 ธันวาคม 2566)  โดยมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนผ่านแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทุกกองทุน ด้วยการสรรหาดีลที่ครอบคลุม เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไปที่ซื้อขายในตลาด โดยรักษาอัตราการขาดทุนที่ต่ำกว่า 

สอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th  

ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุน KTPCRED-UI และ KTPCREDH-UI ที่สำคัญ: ความเสี่ยงทางตลาด ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร การกระจุกตัวของการลงทุน อัตราแลกเปลี่ยน คู่สัญญาในการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ประเทศที่ลงทุน สัญญาซื้อขายล่วงหน้า การขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ การดำเนินงานของผู้ออกตราสาร ข้อจำกัดการนำเงินลงทุนกลับประเทศ และการย้ายการลงทุนไปกองทุนอื่น 

คำเตือน กองทุนนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุน KTPCRED-UI ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ กองทุน KTPCREDH-UI มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

การลงทุนในหน่วยลงทุนกองที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน มีความแตกต่างจากการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป แม้เคยมีประสบการณ์ในการลงทุนในหน่วยลงทุนอื่นมาก่อน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจถึงลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนความเสี่ยง เงื่อนไขกองทุน และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน

กองทุนไม่ถูกจำกัดความเสี่ยงด้านการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไป และมีการกระจุกตัวในผู้ออกตราสาร จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่รับผลขาดทุนระดับสูงได้เท่านั้น และ กองทุนมีค่าปรับกรณีขายคืนหน่วยลงทุนก่อนกำหนด (Exit Fee) สำหรับการถือครองหน่วยลงทุนต่ำกว่า 12 เดือน อยู่ที่ 2% ของมูลค่าซื้อขาย