KTAM คัดกอง RMF – ThaiESG  เสิร์ฟสายลงทุน DCA 

0
14

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นักลงทุนมักจะเลือกลงทุนในกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีแบบก้อนใหญ่ หรือเป็นแบบครั้งเดียวในช่วงปลายปี ซึ่งอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด อาจทำให้เสียโอกาสลงทุนที่ดีในเวลาที่เหมาะสม ประกอบกับสถานการณ์ที่ยังมีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ จึงแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ“DCA” ช่วยกระจายความเสี่ยง และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

โดยคัดสรร 2 กลุ่มกองทุนรวมเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เหมาะสมกับการลงทุนแบบ DCA ประกอบด้วย

กลุ่มกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) แนะนำ 4 กองทุน ได้แก่

(1) กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF2)  (ความเสี่ยงระดับ 4) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศที่ผู้ออก/รับรอง/อาวัลมีความมั่นคงและมีความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้ และตราสารหนี้อื่น ๆ รวมทั้งเงินฝาก โดยมองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายโลกเป็นขาลง ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายในประเทศน่าจะทรงตัว และมีโอกาสปรับลดลงในอนาคต

(2) กองทุนเปิดกรุงไทยผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF1) (ระดับความเสี่ยง 5) มีนโยบายกระจายลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือเงินฝาก จากการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดี มีเม็ดเงินใหม่เข้ามาช่วยสนับสนุน จากนักลงทุนต่างชาติ หรือกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง   อีกทั้งทิศทางดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้อาจเริ่มมีเม็ดเงินลงทุนเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตลาดเอเชีย และอาเซียน ซึ่งในเชิง Valuation (P/E) ตลาดหุ้นไทยยังถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต

(3) กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-WEQ RMF) (ระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนใน AB Low Volatility Equity Portfolio (กองทุนหลัก) ในหุ้นปัจจัยพื้นฐาน มีความผันผวนต่ำ ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยมองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะเข้าสู่ภาวะ Soft Landing ขณะที่ดอกเบี้ยเป็นขาลง ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังเติบโตต่อไปในระยะยาว

(4) กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-US RMF) (ระดับความเสี่ยง 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน  AB American Growth Portfolio (กองทุนหลัก) โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการเติบโตดี มีคุณภาพสูง จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ดี ตลาดแรงงานค่อนข้างแข็งแกร่ง ทิศทางดอกเบี้ยปรับตัวลดลง ผลประกอบการของหลาย Sector ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด แม้ว่าอาจมีความผันผวนจากมาตรการของประธานาธิบดีคนใหม่

กลุ่มกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) แนะนำ 2 กองทุน ได้แก่

(1) กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTESGSI-ThaiESG) (ความเสี่ยงระดับ 3) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

(2) กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTAG-ThaiESG) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ที่มี SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยจากปัจจัยที่สนับสนุนตลาดหุ้นไทยข้างต้น อีกทั้ง การลงทุนในกองทุนประเภท ThaiESG ยังเป็นทางเลือกและการลงทุนในระยะยาวในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อันจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

พร้อมกันนี้ได้จัดโปรโมชันตั้งแต่วันนี้ – 30 ธ.ค. 2568 สำหรับลูกค้าที่ลงทุนใน RMF หรือ ThaiESG ที่ร่วมรายการ ทุก ๆ 50,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS 100 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)

สอบถามข้อมูลและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือธนาคารกรุงไทย และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th 

ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุน: ความเสี่ยงทางตลาด ความสามารถในการชําระหนี้ของผู้ออกตราสาร การขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ การดําเนินงานของผู้ออกตราสาร การทําสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง อัตราแลกเปลี่ยน คู่สัญญาในการทําสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน  ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน ข้อจํากัดการนําเงินลงทุนกลับประเทศ และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่คํานึงถึงการดําเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ บรรษัทภิบาล (เฉพาะกลุ่มกองทุน ThaiESG)

คำเตือน : กองทุนมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (ยกเว้น RMF2, KTESGSI- ThaiESG และ KTAG-ThaiESG) ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF และ ThaiESG และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม