KTAM คัดสรร “SSF-RMF-ThaiESG” สิทธิประโยชน์ภาษีโค้งสุดท้ายปี 2567

0
38

KTAM คัดสรรกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ภาษี 3 กลุ่มกองทุน  SSF-RMF-ThaiESG ทั้งที่ลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว  ให้ลูกค้าเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน และหลายปัจจัยสนับสนุนการลงทุน เช่น แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายโลกที่อยู่ในช่วงขาลง เศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีโอกาสเติบโต  ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวได้ดีขึ้นจากความเสี่ยงหลายด้านที่คลี่คลายและมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาช่วยสนับสนุน  

KTAM จึงได้คัดสรรกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ภาษีทั้ง 3 กลุ่มกองทุน ทั้งที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว ให้ลูกค้าเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ประกอบด้วย

กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF2) (ความเสี่ยงระดับ 4)  เน้น]ลงทุนในพันธบัตรและ/หรือตราสารหนี้ในประเทศที่มีความมั่นคง ซึ่งรวมถึงพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้ และตราสารหนี้อื่น ๆ รวมทั้งเงินฝาก

กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ พลัส (ชนิดเพื่อการออม) (KTFIXPLUS-SSF) (ความเสี่ยงระดับ 4) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของ NAV ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายจัดการ Portfolio Duration ที่ยืดหยุ่นเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด

กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTESGSI-ThaiESG) (ความเสี่ยงระดับ 3) โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม หรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน หรือพันธบัตรหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

นางชวินดา กล่าวถึงการลงทุนในหุ้นว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีหลังจากความเสี่ยงหลายด้านคลี่คลาย และมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาช่วยสนับสนุนทั้งจากนักลงทุนต่างชาติ หรือกองทุนวายุภักษ์   รวมไปถึงทิศทางดอกเบี้ยขาลงของสหรัฐฯ และยุโรป ส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนเคลื่อนย้ายสู่ตลาดเอเชียมากขึ้น และในเชิงมูลค่า Valuation (P/E) ตลาดหุ้นไทยยังถือว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต  จึงแนะนำกองทุนหุ้นไทย ดังนี้

กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) (KTAG-ThaiESG) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET หรือ MAI ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ที่มี SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV 

กองทุนเปิดกรุงไทยผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF1) (ความเสี่ยงระดับ 5) กองทุนกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก หรือทรัพย์สินอื่น ตามที่สํานักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กําหนด โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์

การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ แนะนำ 3 กองทุนทั้งชนิด RMF และ SSF ได้แก่

กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-US RMF) และกองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-US-SSF) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB American Growth Portfolio ซึ่งลงทุนในหุ้นของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการเติบโตดี มีคุณภาพสูง

กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-WEQ RMF) และกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-WEQ-SSF) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนใน AB Low Volatility Equity Portfolio (กองทุนหลัก) โดยลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐาน ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มตลาดเกิดใหม่ จากเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะ Soft Landing ดอกเบี้ยเป็นขาลง ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเติบโตต่อไปในระยะยาว

กองทุนเปิด เคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-PROPERTY RMF) และกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (KT-Property-SSF) (ความเสี่ยงระดับ 7) เน้นลงทุนใน Henderson Global Property Equities Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น หรือกองทรัสต์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการกำกับดูแล โดยมีรายได้หลักจากการเป็นเจ้าของ บริหารจัดการ และ/หรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงจะช่วยให้ต้นทุนในการกู้ยืมของผู้พัฒนาโครงการ และดึงดูดกลุ่มนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ที่จ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ ขณะที่ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่องในหลายกลุ่ม เช่น โลจิสติกส์ อีคอมเมิร์ซ และกลุ่มเพื่อการดูแลสุขภาพ-ผู้สูงอายุ เป็นต้น

สำหรับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ร่วมรายการ ทุก ๆ 50,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธ.ค. 2567 นี้ จะได้รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS 100 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) ศึกษาข้อมูลโปรโมชัน SSF-RMF เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4asEHig และศึกษาข้อมูลโปรโมชัน ThaiESG เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4hE4YOU

ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุนที่สำคัญ: ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ บรรษัทภิบาล ความเสี่ยงจากการดําเนินงานของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการผิดนัดชําระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และความเสี่ยงของการลงทุนในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง

คำเตือน : กองทุน KTFIXPLUS-SSF, KT-US RMF, KT-US-SSF, KT-WEQ RMF, KT-WEQ-SSF, KT-Property RMF และ KT-Property-SSF)  มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (ยกเว้น KTFIXPLUS-SSF) ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้  

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF, RMF และ ThaiESG และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม