KTAM มองเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง 2567 โตต่อเนื่อง คาด พรบ.งบประมาณ+มาตรการกระตุ้น ดันหุ้นไทยแกร่ง

0
67

KTAM  มองเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 2567 โตต่อเนื่อง อานิสงส์ พรบ.งบประมาณ 2567 และมาตรการกระตุ้นตลาดทุน ดันตลาดหุ้นไทยแกร่งขึ้น ชี้เป้ากองทุนปันผล และหุ้นกลาง-เล็กมีโอกาสเติบโต  ด้านตลาดต่างประเทศชอบหุ้นสหรัฐ-จีน  แนะกลยุทธ์จัดพอร์ตอย่างสมดุล และกระจายการลงทุนสร้างพอร์ตโต

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกในครึ่งปีหลังว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคจากปัจจัยต่างๆ เช่น นโยบายการเงินตึงตัว ผลกระทบจากการคงดอกเบี้ยในระดับสูง และการเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่ตลาดหุ้นไทยคาดว่าหลังจาก พรบ.งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ เม็ดเงินจะไหลเวียนในเศรษฐกิจได้ดีขึ้น 

ตราสารหนี้ทั่วโลก…ผันผวนตามกระแสลดดอกเบี้ย

ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก มีความผันผวนไปตามกระแสคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศจึงมีความน่าสนใจในช่วงดอกเบี้ยขาลง ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ไทย ผันผวนไปตามกระแสคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เช่นกัน  อย่างไรก็ตามแม้ว่า กนง. จะไม่ลดดอกเบี้ย แต่ด้วยระดับดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 2.50% เป็นระดับปานกลาง ที่ไม่สร้างความน่าสนใจในตราสารหนี้ไทยมากนัก

Ktam แนะนำ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้นพลัส (KTSTPLUS) (ความเสี่ยงระดับ 4) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก และ/หรือตราสารทางการเงินซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ อายุไม่เกิน 1 ปี มุ่งลงทุนเพื่อให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝากในระยะ 3 เดือน – 1 ปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ พลัส (KTFIXPLUS) (ความเสี่ยงระดับ 4) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยพิจารณานำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 50% ของ NAV มุ่งลงทุนเพื่อให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอจากตลาดตราสารหนี้ในระยะปานกลางถึงระยะยาว เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป 

ตลาดหุ้นต่างประเทศ…แนะกระจายการลงทุน

ช่วงปีก่อนหน้าหลายตลาดปรับตัวขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น ผลประกอบการสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด แม้ช่วงครึ่งแรกเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอลงในบางประเทศ อาทิ นโยบายการเงินตึงตัว การที่ Fed อาจจะไม่ได้ลดดอกเบี้ยเร็วอย่างที่คาด ผลประกอบการอาจไม่เหนือคาดการณ์เหมือนปีก่อน มูลค่าของหลายตลาดปรับตัวขึ้นมาราคาค่อนข้างแพง ทำให้ตลาดอ่อนไหวต่อปัจจัยใหม่ๆ  เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจ ผลประกอบการ หรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้นการกระจายการลงทุนจึงเป็นตัวช่วยที่จะสร้างให้พอร์ตมีโอกาสเติบโตได้

Ktam แนะนำ กลุ่มกองทุน KTMUNG, KTMEE, KTSRI และ KTSUK (ความเสี่ยงระดับ 5) เน้นจัดสรรเงินลงทุนในหลายสินทรัพย์ทั่วโลก โดยลงทุนแบบ Fund of Funds ภายใต้บริษัทจัดการกองทุน และจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งไม่เกิน 79%ของ NAV มีทั้งหมด 4 กองแบ่งตามระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ (ไม่ใช่ระดับความเสี่ยงตามผลประเมิน Suitability Test)  รวมทั้ง KTWC Series (ความเสี่ยงระดับ 5) กลุ่มกองทุนผสมที่มี 3 กองทุนให้เลือกตามเป้าหมายการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่รับได้ (ไม่ใช่ระดับความเสี่ยงตามผลประเมิน Suitability Test) เน้นลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และ/หรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่นใดตามที่กฎหมาย ก.ล.ต.กําหนดในต่างประเทศอย่างน้อยตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไปโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV โดยมี FIL Investment Management (Hong Kong) Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Fidelity International เป็นผู้จัดการลงทุน โดยไม่รวมในส่วนการลงทุนเพื่อสภาพคล่อง

จีนปรับโครงสร้างตลาดทุน…โปร่งใส คุณภาพสูง

สำหรับเศรษฐกิจจีนในระยะสั้น ยังคงได้เปรียบจากการส่งออกสินค้าราคาถูก ขณะที่ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์คลี่คลายลง ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนค่อยๆปรับตัวดีขึ้น มีปัจจัยหนุนจากการการเปลี่ยนแปลงโมเมนตั้มของตลาด ที่ส่งสัญญาณการกลับตัวจากหุ้นขาลงชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการปรับโครงสร้างตลาดทุนให้มีคุณภาพสูงขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และเอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติมากขึ้น  ดังนั้นการลงทุนในครึ่งปีแรกตลาดหุ้นจีนยังคงน่าสนใจ

Ktam แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ (KT-CHINA) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF China Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีภูมิลำเนาหรือได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีน  

ครึ่งปีหลัง…จับตาสหรัฐฯ

สำหรับครึ่งปีหลัง มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯน่าสนใจมากขึ้น จากราคาที่ปรับลดลงจนกลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ประกอบกับ Fed มีแนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงในช่วงปลายปีตามแนวโน้มเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ต้องคอยติดตามผลกระทบจากการคงดอกเบี้ยในระดับสูงมายาวนานต่อเนื่อง รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงปลายปีที่จะทำให้ตลาดมีความคึกคัก

Ktam แนะนำ กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์ (KT-US) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน  AB American Growth Portfolio (กองทุนหลัก)ซึ่งลงทุนในหุ้นของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มการเติบโตดี มีคุณภาพสูง 

สินค้าโภคภัณฑ์…ยังคงโดดเด่น

จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ยังคงทำให้ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง การถือหุ้นกลุ่มพลังงานจะช่วยป้องกันความเสี่ยงภูมิศาสตร์ให้กับพอร์ตการลงทุนได้  ขณะที่ทองคำยังคงได้ประโยชน์จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาตร์ ประกอบกับความต้องการการถือครองทองคำของธนาคารกลางหลายแห่งที่เพิ่มมากขึ้น 

ตลาดหุ้นไทย…พรบ.งบประมาณ ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก

ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา อัตราการเติบโตอยู่ในระดับต่ำ จากปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ความล่าช้าของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และพรบ.งบประมาณปี 2567 ซึ่งคาดว่าหลังจาก พรบ. มีผลบังคับใช้ จะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นทางภาครัฐจะเร่งผลักดันให้เศรษฐกิจดียิ่งขึ้น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 2.50% เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ

Ktam แนะนำ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล (KTSF) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนใน SET ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนที่ดี และกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap (KTMSEQ) (ความเสี่ยงระดับ 6) เน้นลงทุนในหุ้นงบริษัทขนาดกลาง และ/หรีอขนาดเล็กที่จดทะเบียนใน SET หรือ mai ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือ มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ 

ชง Tax Saving Fund กระตุ้นตลาดทุนไทย

นางชวินดา  กล่าวว่า ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ได้เตรียมการหารือถึงข้อสรุปและรูปแบบกองทุนประหยัดภาษี หรือ TAX Saving Fund  กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO ในวันที่ 21 พฤษภาคม  โดยเน้นเป็นกองทุนสนับสนุนการออมและการลงทุนในระยะยาว เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจประเทศ  ต่อตลาดหุ้นไทย  ต่อนักลงทุน  เพื่อนำเสนอต่อกระทรวงการคลังต่อไป

“ ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา  ตลาดหุ้นไทยแทบไม่ได้รับความสนใจ นักลงทุนต่างชาติ สถาบัน และนักลงทุนไทย  ส่วนใหญ่ไปลงทุนต่างประเทศ   ดังนั้นหากภาครัฐจะออกมาตรการสนับสนุนตลาดทุนไทยในช่วงนี้ ถือเป็นจังหวะที่ดี  พิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไตรมาส 1 ส่วนใหญ่เติบโตและทำกำไรได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์  ซึ่งในครึ่งปีหลังน่าจะมีการปรับประมาณการในทิศทางที่ดีขึ้น  หากมีเครื่องมือมาช่วยกระตุ้น ก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นไทยโตได้เร็วขึ้น”

“สำหรับภาพรวมการลงทุนในครึ่งปีหลัง คาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอาจจะให้ผลตอบแทนในระดับ “ปานกลาง” และอาจจะไม่ได้ดีเหมือนปีก่อน ในทางตรงกันข้ามสินทรัพย์ปลอดภัยอาจจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ดังนั้นการจัดพอร์ตการลงทุนที่มีความ “สมดุล” และ “กระจายตัว” ดีเพียงพอ จะเป็นตัวช่วยในการลงทุนในครึ่งปีหลังนี้ได้อย่างดี” นางชวินดา กล่าวสรุป  

สนใจสอบถามข้อมูลหรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th สนใจเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ได้ที่ https://bit.ly/KTSTSignIn 

คำเตือน กองทุนมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (ยกเว้นกองทุน KTFIXPLUS KTSF และ KTMSEQ)  ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน