KTC-TDRI เสวนา KTC FIT Talks #9 “จับตาเศรษฐกิจไทยและสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคครึ่งหลังปี 2566”

0
92

เคทีซี ร่วมกับ ทีดีอาร์ไอ จัดงานเสวนา KTC FIT Talks #9 จับเข่าคุยเรื่องเศรษฐกิจและธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคครึ่งหลังปี 2566 เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการสัญญานบวกด้านการท่องเที่ยว การส่งออกไปตลาดจีน และกำลังซื้อในประเทศ ส่งผลดีต่อภาพรวมของสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค

ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการ โครงการ TDRI Economic Intelligence Service (EIS) กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลกว่า ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปถดถอย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ทวีความรุนแรงขึ้น สงครามยูเครนที่ยังไม่สงบ โดยธนาคารโลก (The World Bank) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 2.1% ต่ำที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกอยู่ที่ 7% จาก 8.7% ในปี 2565 อีกทั้งการปรับลดการผลิตของกลุ่มโอเปค+ อาจทำให้ราคาพลังงานคงอยู่ในระดับสูง  

สหรัฐอเมริกา วิกฤตการณ์ธนาคารปิดตัวยังส่งผลกระทบให้เงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์มีแนวโน้มชะลอตัว  หลายหน่วยงานคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงปลายปี 2566 จากวิกฤตการณ์ภาคธนาคารและการชะลอของกำลังซื้อจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ FED ส่งสัญญาณว่าวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะสิ้นสุดลงในเร็วๆนี้  ขณะที่สหภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยในอัตราที่สูง เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงขยายวงกว้าง  

เศรษฐกิจจีน ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการทยอยเปิดประเทศตั้งแต่ต้นปี ภาคการผลิตและบริการฟื้นตัวในเชิงบวก อสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นจากจุดต่ำสุด อัตราเงินเฟ้อน้อยกว่า 1% และค่าเงินที่มีเสถียรภาพ โดยจีนตั้งเป้าเติบโต เพียง 5%  เน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และขยายความร่วมมมือไปตะวันออกกลาง ที่อาจนำไปสู่การกระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเกิดความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ระหว่างจีน รัสเซียและกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง

สำหรับเศรษฐกิจไทย ปีนี้คาดว่า GDP ขยายตัว 3.5%  โดยการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่า ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยว 29 ล้านคน และ 35.5 ล้านคนในปี 2567  ในขณะที่การส่งออกลดลง แม้จะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจจีน แต่ยังมีความเสี่ยงจากตลาดส่งออกหลักที่ถดถอย  การบริโภคภาคครัวเรือนฟื้นตัวต่อเนื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนเมษายน 2566 อยู่ในระดับสูงสุด นับตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดโควิดในเดือนมีนาคม 2563 จากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้การว่างงานลดลง และคาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% ของ GDP อาจเป็นปัจจัยจำกัดการบริโภค อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพ อาจส่งผลให้งบประมาณปี 2567 ล่าช้า ทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐในปี 2566  ไม่เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มากนัก

“เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตสูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การส่งออกไปตลาดจีนและกำลังซื้อในประเทศ อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวน้อยกว่า 2% เนื่องจากราคาพลังงานที่ลดลง แต่ยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อจากอีกหลายปัจจัย อาทิ ต้นทุนของผู้ผลิตที่ถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคจากการฟื้นตัวด้านอุปสงค์ ค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แม้ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าจะขยับขึ้นไปอยู่ในกรอบที่ 2.25% – 2.5% ในสิ้นปี 2566”

นายชุติเดช  ชยุติ  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มงานบริหารการเงิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่าการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ทำให้เกิดการจ้างงานสร้างรายได้ จะส่งผลบวกให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลขยายตัวมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรม เท่ากับ 14.8% อัตราการเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 22.5% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตที่ 17.7% ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทฯ เท่ากับ 12.2% และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 3.8%

“ไตรมาสแรก เคทีซีทำได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ด้วยแผนกลยุทธ์การรุกตลาดรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยออกบัตรเครดิตเพื่อการท่องเที่ยว 2 ใบคือ บัตรเครดิต อโกด้า มาสเตอร์การ์ด และบัตรเครดิตเจซีบี อัลติเมท  พร้อมทั้งคัดสรรสิทธิพิเศษในทุกหมวดใช้จ่ายที่สำคัญ เช่น สิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยว สิทธิพิเศษในหมวดร้านอาหาร สิทธิพิเศษด้านน้ำมันและประกัน สิทธิพิเศษด้านสุขภาพและความงาม เป็นต้น”

ทั้งนี้ ไตรมาส 1/2566 พอร์ตสินเชื่อรวมเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่ 14.5% มีมูลค่าเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 103,312 ล้านบาท ในขณะที่บริหารจัดการต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 2.6% อยู่ในระดับเดียวกับปีก่อน อีกทั้งควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดี NPL รวมอยู่ที่ 1.9%  และประมาณการกำไรของปี 2566 ไว้สูงกว่าเดิม

“แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทั้งการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจบริการอื่นๆ ให้การบริโภคในครัวเรือนและการลงทุนทำธุรกิจมีมากขึ้น การเดินทางของนักท่องเที่ยวในไทยและเดินทางไปต่างประเทศ จะเอื้อประโยชน์ให้ทุกพอร์ตสินเชื่อของเคทีซีขยายตัว และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจร้านค้ารับชำระเติบโต ทั้งจากภาคอุปสงค์ในไทยที่ขยายตัว จากการใช้จ่ายในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่\เดินทางเข้ามาในไทย แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการเงินของบริษัทฯ ยังคงสามารถรองรับการเติบโตตามเป้าหมายได้”

โดยเคทีซีตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจในปี 2566 ดังนี้ กำไรสูงกว่า 7,079 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15% เกินแสนล้านบาท ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโต 10% พอร์ตสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” เติบโต 7% ยอดอนุมัติสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพิ่ม 9,000 ล้านบาท และ NPL น้อยกว่า 1.8% ซึ่งเป็นอัตรา NPL ในปี 2022

นอกจากนี้เคทีซียังดำเนินโครงการต่างๆ  เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ตามแนวทางการบริหารจัดการด้านการให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ยกระดับการกำกับดูแลการบริหารจัดการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม โดยให้ความสำคัญและส่งเสริมการช่วยเหลือ ติดตาม แก้ไขปัญหาหนี้สิน เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ประสบปัญหาหนี้สินอย่างตรงจุดและทันท่วงที รวมถึงการพัฒนากระบวนการในการให้สินเชื่อตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการอย่างยั่งยืน โดยให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในทุกสถานะเป็นจำนวน 1,995 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.0% ของพอร์ตลูกหนี้รวม (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566)