LHFG โชว์กำไรปี 2566 โต 32.8% 2567 รุกขยายสินเชื่อ SME และรายย่อย

0
58

กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์  เผยผลการดำเนินงานปี 2566 กำไรสุทธิ 2,096 ล้านบาท โต 32.8% เมื่อเทียบกับปี 2565 NPL อยู่ในระดับต่ำที่ 2.65% โดยธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 1,693 ล้านบาท โต54.9% เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย จากสินเชื่อที่เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากสินเชื่อบ้าน

นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 ว่ามีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 2.8% จากปัจจัยต่างๆคือ การบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การกระตุ้นภาครัฐและรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น การส่งออกที่กลับมาขยายตัวเนื่อง และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDIs) จากนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนธุรกิจและโครงสร้างพื้นฐานที่ดี   จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ธนาคารพาณิชย์โดยรวมเติบโตได้          

อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง         ของประเทศเศรษฐกิจหลัก ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังยืดเยื้อ อาทิ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะตลาดทุน

ส่วนผลการดำเนินงานปี 2566 LHFG มีกำไรสุทธิ 2,096 ล้านบาท เติบโต32.8% โดยธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 1,693 ล้านบาท เติบโต54.9% เมื่อเทียบกับปี 2565 เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย จากสินเชื่อที่เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากสินเชื่อบ้าน โดย LHFG ยังคงความสามารถในการทำกำไร และควบคุม NPL ให้อยู่ในระดับต่ำที่ 2.65% รวมทั้งตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอย่างระมัดระวังโดย NPL Coverage อยู่ในระดับสูงที่ 200% LH Bank

โดยดำเนินการตามแผนกลยุทธ์อย่างมีประสิทธิภาพในการเพิ่มสินเชื่อบ้าน การเพิ่มลูกค้าเงินฝากรายย่อยผ่านช่องทางดิจิทัลใหม่ๆ รวมถึงแอปพลิเคชัน LHB You และ Profita ที่ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันครบครัน ทั้งนี้ธนาคารได้รับรางวัล The Best App for Customer Experience : Global Retail Banking Innovation Award 2023 และ Best Mobile Banking – Wealth Management 2023 รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในการ    มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าการให้การสนับสนุนสินเชื่อ Sustainable Loan อย่างต่อเนื่อง และการลงทุนใน Green Bond โดยธนาคารได้รับ ESG 100 Certificate และ SET ESG Rating “BBB”    

สำหรับปี 2567 ธนาคารยังคงเดินตามแผนเชิงกลยุทธ์และขับเคลื่อนการเติบโตผ่านการขยายฐานลูกค้าทั้งลูกค้ารายย่อยและ SMEs ผ่านช่องทางดิจิทัล พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนรูปแบบการทำงานและกระบวนใหม่โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน สำหรับการดำเนินการหลัก ได้แก่

มุ่งเติบโตในพอร์ตสินเชื่อที่สร้างผลตอบแทนที่ดี  โดยเพิ่มฐานลูกค้า SME ด้วยการทำ Program Lending & Package Solution  สำหรับแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อการพิจารณาสินเชื่อที่รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาบริการและความรู้ของเจ้าหน้าที่ การให้คำปรึกษาทางการเงินและทางธุรกิจกับ SME  การขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ Refinance โดยตั้งเป้าเติบโต 20% รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ Wealth  ผลิตภัณฑ์เงินฝาก ผลิตภัณฑ์การลงทุน ผลิตภัณฑ์ประกันที่ออกแบบพิเศษสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม

ยกระดับบริการทางการเงินผ่าน Digital Platform  โดยพัฒนาแอปพลิเคชัน LHB You และ Profita อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจร ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์

ให้ความสำคัญกับ Sustainable Banking มุ่งสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน เน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ทั้งจากการดำเนินของธุรกิจธนาคาร และของลูกค้าที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อ (Financed Emission) การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจในการลงทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่การลดก๊าซเรือนกระจก (Transition Loan) การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ตามมาตรฐานสากล

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund กล่าวว่า ปี 2567 บริษัทมุ่งไปที่กองทุน ตราสารทุนไทยและต่างประเทศให้เหมาะสมกับความเสี่ยง โดยขยายฐานลูกค้าให้หลากหลาย  และมุ่งมั่นที่จะบริหารกองทุนรวมให้อยู่ใน Top Quartiles นำเสนอข้อมูลกองทุนที่เหมาะสมและทันต่อสภาวะตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงพัฒนาการให้บริการแบบครบวงจรสำหรับลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล

สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มและจัดให้ความรู้แก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอย่างต่อเนื่อง  ขณะที่ธุรกิจกองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REITs มีเป้าหมายการบริหารจัดการกองทุนให้เติบโต และลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ รวมทั้งเน้นการสร้างนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการขยายธุรกิจในส่วนของ REIT Trustee

สำหรับการบริหารจัดการกองทุนปี 2566 มีขนาดกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการนับรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) มูลค่า 61,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น10% จากปี 2565 จากการเพิ่มทุนในกลุ่ม REITs  ขณะที่กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) มีขนาดกองทุนอยู่ที่ 14,245 ล้านบาท เติบโต 0.1% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) มีขนาดกองทุนอยู่ที่ 7,047 ล้านบาท เติบโต16.6%

นอกจากนี้ยังการันตีความสำเร็จด้วยรางวัลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนดีเด่น “Outstanding Asset Management Company Awards” ต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน จากงาน SET AWARDS ปี 2565-2566 

นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Securities)  เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมาตลาดแกว่งตัวลงทั้งปี จากปัจจัยกดดันสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ที่ยืดเยื้อ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส  เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าคาด และอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสูงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 5.5% จนเกิดช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและไทยถึงร้อยละ 3 ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเป็นจำนวนมาก  

โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดตลาดที่ 1,415.85 จุด ลดลง15.1% โดยแรงขายสุทธิถึง 1.92 แสนล้านบาท จากนักลงทุนต่างชาติเป็นตัวกดดันหลักย ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มีสัดส่วนสูงถึง 51% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด  โดยมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ปี 2566 เฉลี่ยต่อวันที่ 53,331ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 31% 

ทั้งนี้ ในปี 2566 มีรายได้ 541.35 ล้านบาท ลดลง12.6% เมื่อเทียบกับปี 2565 สอดคล้องกับการลดลงของปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์  อย่างไรก็ตามบริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการ พัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี    เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างทั่วถึง  

สำหรับกลยุทธ์ปี 2567 มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทั้งด้านระบบเทคโนโลยีและด้านการให้คำแนะนำการลงทุน และมุ่งเติบโตผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม และการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ รวมทั้งเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) ของลูกค้าเดิม การดำเนินธุรกิจใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการให้บริการที่ครบวงจร